"นายกฯ" สั่ง แก้จนให้สำเร็จ ใช้ Soft Power สร้างรายได้ ดึงดูด นักท่องเที่ยว
"นายกฯ" มอบนโยบาย หัวหน้าส่วนราชการ จ.พัทลุง ย้ำ ใช้ความโดดเด่นในพื้นที่ - Soft Power สร้างรายได้ประชาชน เผย ต่างชาติ ชมไทย บริหารจัดการ "โควิด" ดี แนะ ดึง อัตลักษณ์ สร้างแบรนด์พัทลุง ดึงดูดท่องเที่ยว สั่ง แก้จนให้สำเร็จ
ที่หอประชุมจังหวัดพัทลุง อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายแก่หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดพัทลุง ผู้บริหารท้องถิ่น ประธานสภาท้องถิ่น กำนันในพื้นที่จังหวัดพัทลุง และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย
โดยนายกฯ ได้กล่าวขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดพัทลุงผู้บริหารท้องถิ่น ประธานสภาท้องถิ่น กำนันในพื้นที่จังหวัดพัทลุง และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง ตลอดจนข้าราชการในพื้นที่จังหวัดพัทลุงทุกคน ที่ได้มาร่วมพบปะหารือแนวทางในการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดพัทลุงให้มีความเจริญก้าวหน้า เพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวพัทลุง พร้อมย้ำถึงศักยภาพและทรัพยากรที่จังหวัดพัทลุงและกลุ่มจังหวัดภาคใต้มีอยู่อย่างหลากหลาย ตลอดจนเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของแต่ละพื้นที่ นำมาเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบเพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่า เพื่อยกระดับห่วงโซ่รายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่เพิ่มขึ้นให้ได้ ทั้งด้านการเกษตร การบริหารจัดการน้ำ การท่องเที่ยว ฯลฯ
นายกฯ กล่าวว่า หลายประเทศต่างชื่นชมประเทศไทยที่สามารถดูแลบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างดีในระดับต้นของโลก แม้ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดก็ตาม ซึ่งความสำเร็จและความภาคภูมิใจที่เกิดขึ้นเป็นความร่วมมือของคนไทยทุกคน ในการร่วมกันปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ขณะเดียวกันรัฐบาลก็มีการออกมาตรการต่างๆ เพื่อรองรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในการดูแลประชาชน ทั้งมาตรการป้องกัน การรักษา การดูแล ติดตาม ตลอดจนการช่วยเหลือเยียวยาต่างๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนทุกกลุ่มของประเทศ และผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ ให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปได้ รวมถึงคนส่วนใหญ่ที่เป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ให้เศรษฐกิจฐานรากสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยดำเนินการภายใต้งบประมาณที่มีอยู่ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และประชาชนทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ นายกฯ ได้ระบุถึงการเตรียมความพร้อมรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในปีหน้าที่จะมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ขณะที่เด็กเกิดน้อยลง รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านแรงงานระดับต่างๆ ของประเทศให้เพียงพอ ทั้งแรงงานจากต่างประเทศ แรงงานในประเทศ ที่จะต้องมีการเตรียมพร้อมพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศและการเปลี่ยนแปลงของโลกและเทคโนโลยี และใช้ศักยภาพ Soft Power หรืออำนาจละมุน ทั้งด้านอัตลักษณ์ดนตรี วัฒนธรรม อาหาร กีฬา (มวยไทย) รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่ประเทศไทยมีอยู่ ทำให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น สร้างสมดุลเกิดขึ้นให้ได้ ร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไปสู่เป้าหมายที่กำหนดและมีขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ต่างประเทศล้วนชื่นชมประเทศไทย และให้ความสนใจที่จะมาลงทุน และมาอยู่ในประเทศไทย เพราะไทยถือเป็นศูนย์กลางหลักของภูมิภาคอาเซียน เป็นประเทศที่น่าลงทุน และมาอยู่อาศัย ซึ่งรัฐบาลก็ได้มีนโยบายที่จะดำเนินการสนับสนุนในเรื่องดังกล่าวเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับต่างประเทศ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ
นายกฯ กล่าวอีกว่า ศบค. มีมาตรการผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2565 จึงคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น จึงต้องเตรียมมาตรการรองรับที่มีประสิทธิภาพ โดยขอให้ประเมินความพร้อมและประสานการปฏิบัติ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และเกิดความสมดุลทางด้านสุขภาพอนามัยและเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ศักยภาพของจังหวัดพัทลุงมีต้นทุนอยู่แล้ว ทั้งเรื่องของศิลปะการแสดงพื้นบ้านอย่างโนรา ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามจึงขอให้จังหวัด และท้องถิ่นนำเรื่องดังกล่าวไปส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน เพื่อรักษาอัตลักษณ์เหล่านี้ไว้ เป็น “แบรนด์พัทลุง” ให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น
นายกฯ กล่าวอีกว่า ขอเน้นย้ำให้ใช้กลไกทุกระดับดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ ทั้งกลไกระดับอำนวยการ ระดับอำเภอ และท้องถิ่นที่ต้องให้ความสำคัญ และสนับสนุนการดำเนินงาน บูรณาการ การทำงานร่วมกันอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำในระดับพื้นที่ เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนพร้อมกล่าวชื่นชม และเป็นกำลังใจให้ทีมปฏิบัติการในการลงพื้นที่ ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้นโยบายนี้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ รวมทั้งให้กำลังใจทุกภาคส่วนในการร่วมกันแก้ไขปัญหาประเด็นที่เป็นเรื่องสำคัญให้กับประชาชน
นอกจากนี้ นายกฯ กล่าวว่า แม้ประเทศไทยจะต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 และได้รับผลกระทบ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวก็ทำให้คนไทยเกิดความรัก ความสามัคคีร่วมแรงร่วมใจกันในสังคม ทั้งในส่วนของ อสม. อาสามัครต่างๆ ที่ร่วมกันดูแลผู้เจ็บป่วยจากการติดเชื้อโควิด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี สอดคล้องกับลักษณะนิสัยปกติของคนไทยที่มีมาช้านานในเรื่องความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เมตตาโอมอ้อมอารี ช่วยเหลือซึ่งกันและกันตลอดมา โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่าในทุกวิกฤติมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ แม้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้เกิดความสูญเสีย และทำให้หลายธุรกิจหยุดชะงัก แต่ก็ทำให้ทุกคนได้เรียนรู้วิธีปรับตัวให้อยู่รอด และเตรียมก้าวเดินหรือก้าวกระโดดต่อไป ขอให้ร่วมมือกันเพื่อความสุข และรอยยิ้มของพี่น้องประชาชนชาวพัทลุง