ครม. ผ่อนปรนนำเข้า "ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์" 3 เดือน บรรเทาต้นทุนเกษตรกร
ครม. ผ่อนปรนนำเข้า "ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์" ภายใต้ WTO ในโควตา อนุมัติให้ อคส. และผู้นำเข้าทั่วไปเป็นผู้นำเข้าได้ไม่เกิน 6 แสนตัน อัตราภาษีร้อยละ 0 ช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค. 65
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายอาหาร ผ่อนปรนมาตรการภาษีนำเข้า "ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์" ภายใต้ WTO ในโควตา โดย องค์การคลังสินค้า (อคส.) และผู้นำเข้าทั่วไปเป็นผู้นำเข้าได้ ระหว่างเดือน พ.ค.-ก.ค. 65 (3 เดือน) ในอัตราภาษีร้อยละ 0 ปริมาณไม่เกิน 6 แสนตัน หรือร้อยละ 50 ของความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และวัตถุดิบทดแทน
จากเดิมที่ให้ อคส. เป็นผู้นำเข้าเพียงผู้เดียว ในอัตราภาษีร้อยละ 20 ปริมาณไม่เกิน 54,700 ตัน ภายหลังครม.เห็นชอบแล้วให้กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์เร่งรัดออกประกาศและระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้นโยบายและมาตรการตามข้อเสนอนี้ มีผลบังคับใช้โดยเร็วต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการ "ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์" ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 2/2565 ผ่อนปรนเงื่อนไขการนำเข้าข้าวสาลี โดยยกเว้นการซื้อ "ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์" ในประเทศ 3 ส่วนต่อการนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน เป็นการชั่วคราว ระหว่างเดือน พ.ค.-ก.ค. 65 นี้
และหากมีการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ นับตั้งแต่เดือน เม.ย 65 รวมทุกช่องทางในปริมาณ 1.2 ล้านตันให้สิ้นสุดการผ่อนปรนแล้วกลับไปใช้มาตรการเดิม
ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้หารือร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเกษตรกร ผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ผู้รวบรวมและผู้ผลิตอาหารสัตว์ มีข้อยุติร่วมกันในการเพิ่มปริมาณ "ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์" ที่ยังไม่เพียงพอ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 1.2 ล้านตัน ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตอาหารสัตว์และต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ จึงเห็นควรผ่อนปรนเงื่อนไขการนำเข้าเป็นการชั่วคราวเพื่อบรรเทาปัญหาต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ ผ่อนคลายสถานการณ์ต้นทุนในภาคปศุสัตว์ และช่วยให้ประชาชนไม่รับภาระราคาสินค้าปศุสัตว์ที่เพิ่มขึ้นด้วย
นายกรัฐมนตรี ยังกำชับให้ติดตามเฝ้าระวังการดำเนินการตามมาตรการภาษีนำเข้า "ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์" และมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศ พร้อมให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำความตกลงขอความร่วมมือผู้ประกอบการที่ได้สิทธิประโยชน์จากมาตรการในครั้งนี้ ตรึงราคาสินค้าปศุสัตว์ที่จำหน่ายแก่ผู้บริโภคเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพของพี่น้องประชาชนด้วย