“วิโรจน์” โชว์วิชั่นแก้ทุจริต ปัดใช้อำนาจล้น ทำแบบเดิมมีแค่ปลัด กทม.ก็ได้
“วิโรจน์” โชว์วิสัยทัศน์แก้ไขปัญหา “คอร์รัปชัน” ลั่นหากได้เป็น “ผู้ว่าฯ กทม.” เตรียมออกข้อบัญญัติใหม่ ปกป้อง ขรก.น้ำดี เปิดโปงทุจริต ปัดใช้อำนาจเกินหน้าที่ แค่ผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลง เหน็บไม่งั้นมีแค่ปลัด กทม.ก็ได้
เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2565 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุถึงการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ว่า รัฐบาลที่ผ่านมาทั้งหมดแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันแบบขอไปทีเล่นละครตบตาประชาชน เพราะทุกรัฐบาลไม่เคยการันตีอนาคตที่ดีให้กับคนที่เขาออกมาเปิดโปงการทุจริตเลยแม้แต่คนเดียว
นายวิโรจน์ ระบุว่า กทม. จะเป็นจุดเริ่มต้นการออกข้อบัญญัติ "บำเหน็จ 10 ปี เพื่อการันตีอนาคตที่สดใสให้กับข้าราชการที่ออกมาเปิดโปงการคอร์รัปชัน" หลายคนพูดถึงการกำจัดคอร์รัปชัน แต่อาจจะด้วยความกลัวจึงเลือกพูดแค่ด้านเดียว คือการให้ประชาชนร้องเรียนเข้ามาว่ามีการคอร์รัปชันอะไรเกิดขึ้นบ้าง ทั้งที่จริงแล้ว คนที่รู้มากที่สุด คนที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการคอร์รัปชันมากที่สุด ไม่ใช่ประชาชนคนธรรมดา แต่คือข้าราชการที่อยู่ในองค์กร
อย่างไรก็ตาม เราเห็นหลายกรณีที่ข้าราชการน้ำดี เมื่อออกมาเปิดเผยความจริงแล้ว กลับโดนกลั่นแกล้งสารพัดจนไม่สามารถทำงานต่อได้ ดังนั้นหากเราสามารถการันตีอนาคตที่ดีให้กับคนที่ออกมาเปิดเผยความจริงได้เมื่อไร การคอร์รัปชันจะลดลงอย่างแน่นอน
นายวิโรจน์ ระบุอีกว่า ในเมื่อรัฐบาลกลางไม่ทำ ผู้ว่าฯ กทม. ก็จะออกข้อบัญญัติบำเหน็จ 10 ปี ของ กทม. เองขึ้นมา ข้อบัญญัตินี้จะการันตีว่าข้าราชการที่ออกมาเปิดโปงการคอร์รัปชันภายในหน่วยงานจะไม่ถูกทอดทิ้งอีกต่อไป ในระหว่างก่อนที่จะมีการชี้มูล ข้าราชการท่านนั้นจะได้รับการปกป้องไม่โดนกลั่นแกล้ง และเมื่อใดที่มีการชี้มูลว่ามีการทุจริตจริงตามข้อมูลที่ได้ทำการเปิดเผย หากข้าราชการท่านนั้นไม่ต้องการที่จะทำงานต่อไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ๆ ข้าราชการท่านนั้นสามารถลาออกแล้วขอรับบำเหน็จสูงสุดที่ 10 ปีได้ทันที นี่คือการการันตีว่าข้าราชการที่เปิดโปงการทุจริตจะมีอนาคตที่ดีในบ้านเมืองของเรา
นายวิโรจน์ ยังโพสต์ข้อความตอบคำถามถึงการหาเสียงใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขตผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ว่า ในฐานะนักการเมืองผ่านการเลือกตั้ง เราแบกอุดมการณ์และความหวังของประชาชนเอาไว้ เราจำเป็นต้องทำทั้ง “สิ่งที่เขาอนุญาตให้ทำ" ควบคู่ไปกับการ "ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ไม่เป็นธรรมด้วย" ดังนั้นถ้าเข้ามาเพื่อแค่ทำตามอำนาจหน้าที่ที่เขาให้ อย่างนั้นเป็นปลัด กทม. แทนก็ได้ ค่าเท่ากัน
นายวิโรจน์ ระบุว่า ทุกวันนี้ไม่มีใครปฏิเสธว่าผู้ว่าฯ กทม. และ อปท. ทั่วประเทศ มีอำนาจ งบประมาณ และความเป็นอิสระในการบริหารจัดการงานในท้องถิ่นน้อยเกินไป จนทำให้ไม่สามารถตอบสนองปัญหาพี่น้องประชาชนได้ดีพอ นี่คือเหตุผลที่ผมและพรรคก้าวไกลผลักดันการปฏิรูปกฎหมาย กระจายอำนาจ
“ที่ผมตั้งใจลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าในนามพรรคก้าวไกล ไม่ใช่เพียงเพราต้องการแค่ "เปลี่ยนตัวผู้ว่า" แต่ตั้งใจ "เปลี่ยนเกม" ด้วย และแน่นอน ถ้าผมเป็นผู้ว่า ผมคนเดียวก็ทำไม่สำเร็จ ต้องอาศัยพันธมิตรของเราทั้งในสภาผู้แทนราษฎร ทั้งในสภา กทม. ทั้งประชาชนนอกสภา เพื่อผลักดันสิ่งที่ควรจะเป็น สิ่งที่ดีกว่า ให้สำเร็จได้ นี่คือการทำงานเป็นทีมในทุกระดับ เห็นภาพชัดเจน มีเป้าหมายตรงกัน” นายวิโรจน์ ระบุ