“ก้าวไกล” เหน็บ ส.ก.ไร้หัว สมคบ “ผู้ว่าฯ” ไม่มีตัว ทำสภา กทม.ไว้ต่อรองผล ปย.
ปราศรัยใหญ่ “ก้าวไกล” ครั้งสุดท้าย “ชัยธวัช” ออกโรงเหน็บ ส.ก.ไม่มีหัว สุมหัว “ผู้ว่าฯ” ไม่มีตัว เสี่ยงทำสภา กทม.กลายเป็น “สภาโต๊ะจีน” ไว้ต่อรองผลประโยชน์
เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2565 ที่มิวเซียมสยาม พรรคก้าวไกลจัดเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายแก่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ก.รวม 50 ราย โดยมีนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ขึ้นปราศรัยคนแรก ว่า ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งมักได้ยินประโยคเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์บ่อยขึ้น แต่หากต้องการเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์กันจริง ๆ จะต้องตั้งโจทย์ให้ถูกต้อง นั่นคือ ต้องตั้งคำถามว่ายุทธศาสตร์ของกรุงเทพคืออะไร
นายชัยธวัช กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ของ กทม. จะต้องวางอยู่บนพื้นฐานการตอบโจทย์ปัญหาเรื้อรังและความต้องการของคนกรุงเทพ อันเนื่องมาจากระบบการบริหารจัดการเมืองไม่โปร่งใส ไม่มีประสิทธิภาพไม่เป็นธรรมต่อคนกรุงเทพ เป็นปัญหายุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการ ดังนั้น ยุทธศาสตร์กรุงเทพ คือการต้องมี ผู้ว่าฯ และ ส.ก. เพื่อเข้าไปจัดการสิ่งเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และเห็นหัวคนกรุงเทพ ซึ่งผู้ที่จะตอบโจทย์ยุทธศาสตร์กรุงเทพเป็นใครไม่ได้นอกจาก วิโรจน์ ลักขณาอดิศร และ ทีม ส.ก. จากพรรคก้าวไกลทั้ง 50 คน เพื่อเปลี่ยนกรุงเทพให้เป็นเมืองที่เป็นคนเท่ากัน มีระบบบริการขั้นพื้นฐานที่ดี สาธารณสุข การศึกษา การจัดการผังเมืองและพื้นที่ที่ดี
เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ทุกนโยบายและทุกคำพูดของ วิโรจน์ และ ส.ก.ก้าวไกล ผ่านการศึกษามาอย่างดี สามารถทำได้จริงในทางปฏิบัติ แต่นโยบายที่สัญญากับประชาชนแล้วจะปฏิบัติได้จริง จะต้องมีทั้ง ผู้ว่าฯ และ ส.ก.เพื่อไปผลักดันนโยบายและแก้ไขระเบียบเงื่อนไขต่างๆในสภา กทม. ย้ำว่า ยุทธศาตสร์กรุงเทพ ต้องเป็นทีมจึงจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนได้
“บางกลุ่ม บางฝ่าย บางพรรค มีแต่ ส.ก.แต่ไม่มี ผู้ว่าฯ กทม. ก็เหมือนไม่มีหัว มีนโยบายเต็มไปหมด จะพูดอะไรก็ได้ แต่บอกเลยว่าเป็นนโยบายขายฝัน ปฏิบัติไม่ได้ทั้งสิ้น เพราะ ส.ก. ไม่ได้มีอำนาจในการดำเนินนโยบาย เป็นหน้าที่ของผู้ว่า พูดอะไรไปแบบนี้จึงขายฝันร้อยเปอร์เซ็นต์” เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าว
นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า ส่วนอีกแบบมีแต่ผู้ว่า ไม่มี ส.ก. เหมือนมีแต่หัว ไม่มีตัว จริงอยู่ที่เคยมี ผู้ว่าฯ กทม.ที่บอกว่าอิสระ ซึ่งต้องยอมรับโดยกลไกที่เป็นจริงว่าบริหารได้ แต่มันยากลำบาก หากไม่มีทีม ส.ก.เป็นทีมด้วย ก็เหมือนเป็นผู้ว่าที่ไปตายเอาดาบหน้า เหมือนเสี่ยงทายว่าจะได้ไปทำงานกับ ส.ก.คนไหน จากพรรคอะไร คิดเหมือนเราหรือไม่
“เผลอ ๆ อาจเสี่ยงถูก ส.ก. ไปบีบต่อรองเอาผลประโยชน์เพื่อแลกการอนุมัติงบหรือข้อบัญญัติ ผู้ว่าที่ไม่ตัว มีแต่หัว อาจทำให้เกิดการยื่นหมูยื่นแมวครั้งใหญ่ในสภากรุงเทพมหานคร เรื่องนี้ต้องเอาความจริงมาพูดกัน ไม่ได้พูดว่าผู้ว่าจะไปแจกกล้วย แต่มันเสี่ยงในการทำงานที่เป็นจริง” นายชัยธวัช กล่าว
นายชัยธวัช กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ได้ไปศึกษามาแล้วว่า การทำงานของสภากรุงเทพทำงานอย่างไร พบว่าที่ผ่านมาเป็นแดนสนธยา สุดท้าย สภากรุงเทพกลายเป็น สภาโต๊ะจีน ที่เข้าไปเกี๊ยะเซี๊ยะกัน ประชุมสัปดาห์ละครั้ง แต่ถามว่ามีใครเคยติดตามหรือเคยเห็นหรือไม่ว่าประชุมกันอย่างไร จะออกบัญญัติที่มีประโยชน์ต่อประชาชนก็ไม่ค่อยทำ และมีบ่อยครั้งรวมหัวกันไปบีบเอางบจากผู้ว่า กทม. แล้วไปจัดสรรกันลับๆ
“รู้จักงบกลางใน กทม. หรือไม่ ตัดงบกันในสภาก็จริง แต่ ส.ก.รวมหัวไปบีบเอางบจากผู้ว่าฯ แล้วเอาไปฝากไว้สำนักนั้น เขตนั้น เขตนี้ แล้วให้ ส.ก.ไปเอา งบกลางนี่ร้ายมาก หลังรัฐประหารงบกลาง กทม. เดิมมี 7,000 ล้านบาท ถึงวันนี้งอกเป็น 14,000 ล้าน แล้วเอาไปทำอะไรไม่รู้” นายชัยธวัช กล่าว
เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งที่เราอยากย้ำ คือเหตุผลว่า ทำไมต้องทำงานเป็นทีม มีผู้ว่า และ ส.ก. เพื่อผลักนโยบายไปด้วยกัน เหมือนสภาใหญ่ที่มี ผู้บริหาร กับ ส.ส.คอยผลักดันงบประมาณและข้อกฎหมายในสภา แต่เราก็ต้องการการตรวจสอบได้ เราต้องการยกระดับสภากรุงเทพให้เพิ่มกลไกตรวจสอบให้คนกรุงเทพ สิ่งที่ทำได้ทันทีคือ open government โดยทำให้ข้อมูลของกรุงเทพทั้งหมดผ่านดิจิตัลแพลทฟอร์ม ไม่ว่าการจัดซื้อจัดจ้าง หรือการดำเนินงานต่าง ๆ คืบหน้าไปถึงไหน ต้องเปิดเผยให้ประชาชนตรวจสอบได้
ประการต่อมา เราจะตั้งที่ประชุมเมือง หรือ City Hall แบบที่ต่างประเทศมีทุกเดือน เพื่อให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมแสดงความเห็น และซักถามความคืบหน้า รวมถึงเสนอความต้องการใหม่ได้ ประการที่สาม ถ้ามี ส.ก.ก้าวไกล เกิน 25 คน เราจะสามารถใช้แก้ไขข้อบัญญัติเพื่อให้มีกรรมการ ป.ป.ช. ของกรุงเทพ เพื่อตรวจสอบการทุจริตทุกระดับใน กทม. ได้ อีกเรื่องหนึ่งคือ เราจะลงมติให้การประชุมสภา กทม.ต้องถ่ายทอดสดทุกครั้ง เพื่อให้ประชาชนรู้ อย่างโปร่งใส ในสภาเราพยายามผลักดันเรื่องนี้มาตลอด แต่ไม่ค่อยสำเร็จเพราะเป็นเสียงส่วนน้อย แต่ขอเริ่มต้นที่สภา กทม. เลือกก้าวไกลให้ถล่มทลาย เพื่อไปทำสิ่งเหล่านี้ บัตรสีเทา กาวิโรจน์ เบอร์ 1 บัตรสีชมพู เลือกก้าวไกล ทั้ง 50 เขต
“เราจะมีทั้งหัว ทั้งตัว ทำงานเป็นทีม เพื่อไปทำงานที่สัญญากับประชาชนได้จริง ขอให้เลือกผู้ว่าที่ตอบโจทย์ ยุทธศาสตร์กรุงเทพ อย่าเลือกด้วยความกลัว แต่เลือกด้วยความรู้สึกว่าเลือกเพื่อเข้าไปเปลี่ยนแปลงกรุงเทพด้วยกัน แล้วกรุงเทพมหานครจะไม่กลับไปเหมือนเดิมอีกต่อไป” นายชัยธวัช กล่าว