ยกแรก “ศึกงบประมาณ” “ประยุทธ์” ชนะสะบักสะบอม

         แม้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี จะไม่สะท้านกับคำประกาศของ “7พรรคร่วมฝ่ายค้าน”  ที่เตรียมโหวตคว่ำ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 วาระแรก ที่ สภาฯ นัดลงมติ วันที่ 2 มิถุนายน 

 

         เพราะได้รับคำการันตี จากผู้คุมเสียง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่า “ผ่านแน่นอน"

         ทว่าอาการของ “ประยุทธ์” ที่นั่งไม่ติด ต้องลุกชี้แจงกลางสภาฯ ต่อข้อกล่าวหาและการตั้งข้อสังเกตการจัดสรรงบประมาณ ที่ “พรรคฝ่ายค้าน” ให้ฉายาไว้หลากหลายชื่อ ทั้ง “งบประมาณเรียกค่าไถ่” “ร่างพ.ร.บ.งบฯรีดไถประชาชน” “จัดงบแบบช้างล้ม” หรือ “งบเพื่อโครงการทิพย์” 

         ผสมกับ ท่วงท่าทีของ “ลูกพรรคพลังประชารัฐ” ที่ขอใช้สิทธิอภิปราย สนับสนุน งบฯ66 พร้อม ปกป้อง “3ป.”  ประกาศผลงานของรัฐบาล ที่ทำมา
         

สะท้อนให้เห็นว่า “พล.อ.ประยุทธ์” และ “พล.อ.ประวิตร ” หวั่นเกรงในฝีปาก และการแสดงวิสัยทัศน์ที่ถือว่าข่ม “ผู้มีอำนาจปัจจุบัน” ได้ด้วยการนำเสนอ วิธีแก้ปัญหาอีกรูปแบบ ที่เป็นยุคใหม่ และ เชื่อว่าจะทำให้ “ชีวิตประชาชน” ดีกว่า  มีความหวังมากกว่า 

 

         จึงไม่อาจปล่อยให้ “ฝ่ายค้าน” พูดในลักษณะที่ “ประยุทธ์” คิดว่า “ใช้เวทีสภาฯ หาเสียง และ​โจมตีรัฐบาลไปพร้อมกัน” เหมือนการอภิปราย ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปีที่ผ่านๆมา ซึ่งปล่อยเวทีให้ “ฝ่ายค้าน” รุมถล่มรัฐบาล โดยปราศจากการชี้แจงหรือตอบโต้แบบตรงประเด็น ทันควัน

         ต้องยอมรับว่าการเตรียมตัวของ “พรรคร่วมฝ่ายค้าน” ในปีสุดท้ายของการอภิปราย งบฯ 66  เตรียมพร้อมมาดี เป็น “มิติใหม่” ที่ โจมตีให้น้อย แต่ต่อยหนัก เน้นนำเสนอกรอบคิด “ชีวิตที่ดีกว่า” สมมติบทบาทให้ตัวเองเป็น “รัฐบาลทิพย์”  จะใช้งบประมาณ พลิกฟื้น สร้างความหวังกับ ประชาชนในอนาคต

 

         ทำให้การอภิปรายครั้งนี้ “พรรคฝ่ายค้าน” ประเมินว่า ได้เสียงปรบมือจากแฟนคลับ และอาจผันเป็นคะแนนสะสม เพื่อออกนำ “รัฐบาลตัวจริง” ได้ในอนาคต

 

         เพราะ ข้อกล่าวหา และ การชำแหละ โครงการที่ของบประมาณ บางรายการ “รัฐบาล” และรัฐมนตรี ไม่อาจชี้แจงข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านได้ ทั้ง งบความมั่นคงที่ซื้ออาวุธตกยุค จัดงบแบบเสียไม่ได้ เอื้อการเมือง ให้กับ พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะค่ายใหญ่บุรีรัมย์ 

         กับการแสดงบทบาทของ “ฝ่ายค้าน” ครั้งนี้ ในความจริง ไม่สามารถล้มรัฐบาล เปลี่ยนตัวผู้นำได้ตามความตั้งใจ เพราะ “ฝั่งประยุทธ์” ยังกุมความเป็นต่อ มี “ส.ส.” เป็นเสียงข้างมากของสภาฯ ที่  "242 เสียง" เหนือกว่าฝ่ายค้านที่มี “209เสียง”

 

         สำหรับการลงมติ ในวาระแรกของร่างพ.ร.บ.งบฯ ใช้เพียงเสียงโหวตข้างมากปกติ กล่าวคือ  ฝ่ายใดมาโหวตมากกว่า ถือว่าฝ่ายนั้นชนะ 

         แต่หากนับ การอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบฯ66 เป็นยกแรก ของ “เวทีมวย”  สภาพของ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา”  ไม่ต่างจาก นักมวยที่ชนะคะแนน แต่ถูกต่อยจนสะบักสะบอม.