"วิษณุ" เผย ตัดงบฯ บำนาญ กระทบสิทธิบุคคลไม่ได้ เหตุ กฎหมาย เขียนไว้
"วิษณุ" โยน กมธ. พิจารณา งบฯ66 ชี้ กฎหมายเขียนไว้ จะตัดงบบำนาญ กระทบสิทธิบุคคลไม่ได้ ชี้ แม้ตัวเลขจะดูสูง แต่ความจริงเหมือนในอดีต เล็งขยายอายุขรก.เกษียณ เป็น 63-65 ปี ช่วยชะลอการจ่ายได้ ปัดตอบปม GT200
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายในที่ประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 สะท้อนถึงปัญหางบรายจ่ายเบี้ยบำนาญว่า แล้วแต่ทางกรรมาธิการ ว่าจะจัดการอย่างไร เนื่องจากเวลานี้ร่าง พ.ร.บ.งบ 66 เข้าไปอยู่ในชั้นกรรมาธิการเรียบร้อยแล้ว
ส่วนเรื่องบำเหน็จบำนาญเป็นผลที่เกิดจากกฎหมายที่เขียนเอาไว้ เมื่อทำงานราชการมา เมื่อถึงเวลาก็ต้องได้บำเหน็จบำนาญซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา ที่มองว่ามากไปหรืออย่างไรก็แล้วแต่ ส่วนจะไปแปรญัตติตัดงบประมาณกันนั้น หากจะไปกระทบกับสิทธิตามกฎหมายของบุคคลนั้นคงไม่ได้ เว้นแต่จะมีข้อเสนอแนะให้แก้กฎหมายจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะตัวเลขงบประมาณที่มองดูว่าสูง ความจริงเหมือนกับตัวเลขในอดีต
เมื่อข้าราชการจำนวนมากขึ้นจำนวนบำเหน็จบำนาญก็มากขึ้นเท่านั้นเอง รัฐบาลคิดสิ่งเหล่านี้อยู่โดยตลอด จึงไม่คิดให้มีการเออรี่รีไทร์ เพราะจะเป็นภาระงบประมาณ หรือแม้แต่ในเรื่องการขยายอายุการเกษียณราชการซึ่งเดิมเคยมีการคิดเอาไว้ก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่าจะขยายจาก 60 ปีเป็น 63 ปี หากเป็นเช่นนั้นจะยังไม่ต้องจ่ายบำนาญ แต่ปรากฏว่าไม่สอดคล้องกับสถานการณ์โควิดที่เข้ามา จึงหยุดเรื่องการขยายอายุเกษียณราชการไว้ก่อนไม่เช่นนั้นจะมีการขยายอายุราชการล็อตแรก ที่จะเกษียณอายุราชการอายุ 63 ปี และอีกล็อตคือขยายเป็นอายุ 65 ปี ซึ่งอยู่ในแผนปฏิรูป จะเป็นการทำให้ชะลอการจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญได้ แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 คนต้องการเงินและออกจากระบบราชการโดยเร็ว จึงต้องปล่อยให้เป็นเกษียณอายุราชการ 60 ปีไปก่อน
เมื่อเงินบำนาญที่ระบุไว้ร่างพ.ร.บ.งบฯ 66 ถือว่าสมเหตุสมผลตามจำนวนของข้าราชการหรือไม่นายวิษณุ กล่าวว่า ผู้ที่คิดเรื่องนี้ขึ้นคิดตามความสมเหตุสมผลอยู่แล้ว ที่มองกันว่าไม่สมเหตุสมผลนั้นอาจต้องมองในเรื่องของกฎหมายที่เป็นต้นตอของการจ่ายบำนาญ เพราะฉะนั้น ก็ต้องแก้กฎหมาย ซึ่งมีหลายกฎหมายเกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่า หากต้องการตัดบำเหน็จบำนาญ ส.ส. ส.ว. ก็ต้องไปแก้กฎหมายเหมือนกันใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ส.ส.และส.ว.ไม่มีบำเหน็จบำนาญ เราไปเรียกกันเองว่าเป็นบำนาญ จริงแล้วคือเงินสงเคราะห์เงินช่วยเหลือ หากอยากจะตัดงบประมาณส่วนนี้ต้องไปแก้ไขกฎหมาย
ทั้งนี้นายวิษณุ ไม่ขอวิจารณ์ว่าการเสนอขอตัดงบประมาณส่วนดังกล่าวเป็นการสมเหตุสมผลหรือไม่ โดยระบุว่า มีสิทธิ์ที่จะวิจารณ์อะไรได้ทุกอย่าง ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนหากกรรมาธิการจะขอปรับลดงบดังกล่าวจะเป็นการตัดขวัญและกำลังใจของข้าราชการหรือไม่นั้น นายวิษณุระบุว่า หากได้ปรับลดแล้วจริง คงจะกระทบกระเทือน แต่การที่บางคนนั้นเสนอไม่ใช่ว่าคนอื่นเขาจะเห็นด้วย ต้องไปว่ากันเองในหมู่กรรมาธิการ และจะต้องนำกลับเข้ามายังที่ประชุมสภาอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อถามว่า หากเป็นการทำตามกฎหมายที่มีอยู่ ก็ไม่สามารถปรับลดได้แล้วหรือไม่ เนื่องจากจะเป็นการขัดต่อกฎหมาย นายวิษณุ ระบุว่า ตนยังคิดไม่ออกว่าจะปรับลดอย่างไร ที่ไม่ให้ขัดกับกฎหมาย
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงการวางงบเพื่อตรวจสอบเครื่อง GT 200 นายวิษณุระบุว่า ตนไม่ทราบในรายละเอียด ต้องคุยกับทางกองทัพ หรือสำนักงบประมาณ ซึ่งในที่ประชุมกรรมาธิการคงจะมีการสอบถาม และสำนักงบประมาณจะต้องชี้แจงได้