"นายกฯ" โว วันนี้อะไรก็ดีไปหมด ประเทศสงบสุข ลั่น ไม่อยู่จนตายรัง

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนากำหนดยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวประเทศไทย Thailand tourism Congress 2022 ณ ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต

โดยนายกรัฐมนตรี​ ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ พร้อมกับกล่าวหยอกล้อผู้ที่มารอต้อนรับว่า Are you ready? และผู้ที่มารอต้อนรับก็ได้ตอบกลับว่า Yes ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะภายในงานได้อย่างมาก​ โดยนายกรัฐมนตรียังระบุอีกว่าขออนุญาตถอดหน้ากากเนื่องจากไว้ใจเธอ เพราะว่าก็ได้ตรวจหาเชื้อมาโดยตลอด​ แต่ก็ต้องระมัดระวังตัวเองอยู่แล้ว อยากเห็นหน้าเห็นตากัน และเดินทางมาที่นี่ 3-4 ครั้งแล้ว วันนี้ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่ได้พบปะกันอีกครั้งหนึ่ง ครั้งแรกๆ ที่ตนมาหน้าก็ยิ้มไม่ค่อยออก ก็ค่อยๆ ยิ้มได้กว้างขึ้นทีละนิด เพราะฉะนั้นนายกรัฐมนตรีก็เหมือนกัน ถ้ามาแล้วเห็นความร่วมมือ และได้ยินสิ่งที่ทุกคนพูดมา ตนก็มีความสุข เวลาที่ท่านเจ็บปวดตนเจ็บปวดกว่า เพราะตนเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้น แต่ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด

โดยนายกรัฐมนตรียังกล่าวขอบคุณวิทยากร ทั้งสองคน และระบุว่าตนกล่าวสู้ท่านไม่ได้อยู่แล้วเพราะท่านมืออาชีพ เจอกี่ครั้งก็พูดเก่งเหมือนเดิม และวันนี้เป็นการพูดสรุปได้ตรงใจตน และขอเสียงปรบมือให้พระอาทิตย์ด้วย เมื่อมีพระอาทิตย์แล้วก็อย่าลืมพระจันทร์​ จันทร์โอชา​ เรามีหัวใจดวงเดียวกันในการที่จะทำให้ประเทศจังหวัดของเราพื้นที่ของเราเจริญไปข้างหน้า​ สิ่งที่มาพบกันในวันนี้ ตนเดินทางมาให้กำลังใจ ขอบคุณทุกคนที่มาต้อนรับตน เมื่อช่วงเช้าก่อนหน้านี้มีภารกิจในเรื่องการศึกษาซึ่งจะต้องปฏิรูปการศึกษาไปด้วย ซึ่งก็ชื่นใจที่เห็นจังหวัดภูเก็ต ได้มีการขับเคลื่อนเรื่องนี้ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ 6 ด้าน ประเทศเราจำเป็นต้องสืบสานรักษาและต่อยอดทุกเรื่อง ตามแนวพระราชดำรัส

เรามีของดีของเราอยู่แล้ว เรามีเอกลักษณ์อัตลักษณ์วัฒนธรรมประเพณีที่เรียกว่า 5s.เรามีครบทุกอย่าง. ซึ่ง s ที่สำคัญคือ Smile รอยยิ้มของเรา ที่เป็นใคร ใครก็รัก นายกฯ อาจจะยิ้มน้อย อาจจะหน้าตาดุบ้างบางครั้ง เพราะคุ้นเคยกับชีวิตค่อนข้างที่จะเครียดมาโดยตลอด เจอปัญหามาโดยตลอดชีวิต แต่เมื่อเห็นพวกเราแล้ววันนี้ตนก็ยิ้ม และยินดีกับทุกคนที่การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลไม่ผิด ในการที่เลือกจังหวัดภูเก็ต เปิดการนำร่องการท่องเที่ยวของประเทศไทย หรือภูเก็ต sandbox ในเดือนกรกฎาคม ยอมรับว่าการตัดสินใจครั้งนั้นเป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุด เพราะมีการประชุมอยู่หลายฝ่ายด้วยกัน โดยเฉพาะด้านสาธารณสุข แพทย์ก็มีความเป็นห่วง 

ซึ่งก็ต้องเห็นใจด้านสาธารณสุขในความกังวล พร้อมกับระบุว่าตนเป็นคนฉีดวัคซีนเข็มแรก ถ้าฉีดไปแล้วลดการป่วย ลดการตาย หรืออาการหนักเราต้องฉีดนั่นคือ ความร่วมมือที่เราได้มาจากทุกคน เริ่มเข้าใจเริ่มมองเห็น และทำให้มีอนาคตมาจนถึงวันนี้ นั่นคือ สิ่งที่เราทำร่วมกันมาโดยตลอดร่วมแรง ร่วมใจร่วมกันทำจนเดินมาถึงวันนี้ และอย่างที่บอกคือ เป็นตัวอย่างของทั้งโลก ทุกประเทศที่ตนเดินทางไปเยือนกล่าวถึงการบริหารจัดการภูเก็ต Sandbox การบริหารของรัฐบาลเราว่าสามารถตัดสินใจได้อย่างไร ทำไมถึงคิดสิ่งนี้ขึ้นมา ตนก็ต้องอธิบายว่าทั้งหมดเป็นความร่วมมือของคนไทยทั้งประเทศ ที่ทำให้ตนกล้าตัดสินใจในวันนั้น จนวันนี้ก็ต้องตัดสินใจต่ออีก หลายอย่างกำลังเข้ามาตลอด

โดยนายกรัฐมนตรี​ ยังกล่าวติดตลกอีกว่า เมื่อช่วงเช้าที่ตนลงเครื่องบินมาสงสัยต้องไปปลูกต้นไม้อีกสัก 100 ต้น เพราะตนต้องรับผิดชอบปล่อยคาร์บอนไปค่อนข้างเยอะเหมือนกัน​ ตนลงจากเครื่องบินครั้งแรกเห็นรอยยิ้มของผู้ว่าราชการจังหวัด ก็ได้คุยกับทุกคนที่มารอต้อนรับว่ามีเที่ยวบินมาลงเยอะขึ้นหรือไม่ ทุกกระทรวงรายงานมายังตนทั้งหมดว่ามีอะไรคืบหน้า ยังมีอะไรติดค้างหรือมีปัญหาตรงไหน อยากให้รัฐบาลช่วยอะไร ตนรับปัญหาทั้งหมด ทุกเรื่อง 20 กระทรวง วันนี้ตนรับหน้าที่ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แต่ทำคนเดียวไม่ได้ ไม่มีใครแก้ไขปัญหาได้โดยลำพังทั้งสิ้น หรือใครว่าไม่ใช่ ถ้าดีท่านเอาไปเลย ถ้าไม่ดีตนรับผิดชอบ ก่อนที่จะมีผู้ร่วมงานรายหนึ่งตะโกนขึ้นว่าลุงตู่สู้ๆ ซึ่งเรียกเสียงปรบมือจากคนภายในสถานที่ รวมไปถึงรอยยิ้มจากนายกรัฐมนตรี ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ ตนสู้มาโดยตลอดอยู่แล้ว สู้ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ 

โดยช่วงหนึ่งนายกรัฐมนตรี​ ระบุว่า เมื่อสักครู่ตนไปนั่งในห้องกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตนมองเห็นทะเลแล้วอยากลงน้ำจริงๆ ตนจะบอกความจริงให้นะ 8 ปีตนไม่เคยได้เหยียบน้ำทะเลเลย ทั้งที่แต่ก่อนตนลงไปเที่ยวไปได้อิสรเสรี วันนี้ตนไปอย่างนั้นไม่ได้ จะด้วยอะไรก็แล้วแต่​ตนไม่ได้โกหกใครอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่ตนไม่ต้องการเป็นภาระของใคร และไม่ต้องการที่จะให้มีสิ่งที่จะมีปัญหากับตนท่านก็รู้อยู่ แต่ตนคิดถึงน้ำทะเล คิดถึงทะเลใสๆ เมื่อสักครู่ มองหน้าต่างออกไป โอ้โฮ..ประเทศไทยภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย

นายกรัฐมนตรี​ ยังระบุอีกว่า ทุกคนผ่านความยากลำบากมาด้วยกัน​ ถึงแม้ว่าตนจะไม่ได้อยู่ภูเก็ต แต่ตนลำบาก เพราะตนอยู่ 77 จังหวัดที่เดือดร้อน ด้วยกันหมดจากโรคระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19​ ที่ต้องแก้ทั้งประเทศอะไรที่แก้ได้เร็วแก้ได้ก่อน อะไรเป็นรายได้ตนก็ต้องมุ่งหวังตรงนี้เพื่อที่จะพยุงประเทศของเราให้ไปข้างหน้าให้ได้ ตนดีใจที่กล่าวการเชื่อมโยงกันแต่ละจังหวัดเพราะเราเป็นพี่น้องกัน เราคือประเทศไทย ประเทศไทยเราจะทำอย่างไรให้เกิดความเชื่อมโยงกันให้ได้ โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยวและอื่นๆ เรามีศักยภาพอาจจะไม่เหมือนกัน อาจจะต่างกันแต่มีดีทุกที่ มีทุกภาค หาให้เจอค้นหาให้เจอแล้ว เราจะเจอทางออกของเราที่จะนำไปสู่ความยั่งยืน​ นี่คือ สังคมไทยสังคมแห่งการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน มีจิตสาธารณะจิตอาสา นี่คือประเทศไทยบางอย่าง ทุกอย่างแทบจะไม่ต้องบังคับหากเราทำสิ่งเหล่านี้เป็นนิสัยให้ได้ เราจะไม่เห็นอะไรที่รกหูรกตาหรือไม่เห็นอะไรที่ไม่เรียบร้อย เพราะถือว่าเป็นธุระของทุกคนทั้งสิ้น

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา เราได้ร่วมมือกันทั้งภาครัฐ และเอกชน ฟังมุมมองซึ่งกันและกัน ตนไม่ตำหนิใครเพราะหากไม่ลำบากคงไม่พูด ตนก็จำเป็นเพราะรับฟังคนบ่น 60 กว่าล้านคน ตนต้องดูแลทุกคนให้สามารถไปข้างหน้าให้ได้ ในแนวทาง และทิศทางที่ต้องพัฒนากันต่อไป จากเวทีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ขอให้สรุปมาลองดูว่า ให้เอาใจท่านมาใส่ใจตน และเอาใจของตนไปใส่ใจของท่าน ว่าจะทำกันได้แค่ไหนสอดคล้องกันได้อย่างไร เพราะว่ามีกติกามีกฎเกณฑ์ อะไรที่เขาเรียกว่ากิโยติน ตนก็พยายาม กฎหมายที่เป็นกิโยตินวันนี้เราจะเยอะ มีกฎหมายที่ต้องแก้ไขปรับปรุงหลายพันฉบับ 

วันนี้ก็พยายามเอาเข้าสภาให้ได้หลายอย่างต้องผ่านสภาด้วย ถ้ากฎกระทรวงอะไรก็ต้องตอบสังคมให้ได้ รับฟังการมีส่วนร่วมเพราะประเทศไทย เป็นประชาธิปไตยก็ต้องรับฟังการมีส่วนร่วม จะทำอะไรก็ตามหากประชาชนมีส่วนร่วมก็ไปได้ทั้งหมด แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลนั้นจะสนับสนุนได้อย่างไร ระยะเวลาควรจะเป็นอะไรก่อนอะไรหลัง เนื่องจากมีงบประมาณอยู่อย่างจำกัด ซึ่งจะต้องสร้างโครงสร้างของรายได้ใหม่สร้างโครงสร้างทางเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องทำสร้างอนาคตใหม่คือ สร้างฐานเศรษฐกิจใหม่ ถ้าเราจะทำอะไรใหม่ๆต้องการเงินเพิ่มจะต้องหารายได้เพิ่มให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมสำคัญทำให้เราอยู่ได้ถึงทุกวันนี้​ ตั้งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพที่ยั่งยืน ไม่ใช่มุ่งหวังเฉพาะไฮซีซั่นอย่างเดียว ประเทศไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวทั้งปี การที่จะก้าวไปสู่อนาคตจะต้องมีการเดินที่มั่นคง เข้มแข็ง แข็งแรง ขาก้าวเร็วเกินไปก็พลาด ก้าวช้าเกินไปก็ไม่ทันเขา

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า​ จะเห็นได้ว่าตนยิ้มตลอดเวลา บางทีหลายคนมองว่าทำไมตนนั้นดุนักหนา ตนอาจจะกำลังคิดอยู่ เลยยิ้มไม่ออก คนเราจะยิ้มทั้งวันได้อย่างไร ใช่หรือไม่ ปัญหาอื่นเข้ามาเต็มก็ต้องทำ บ่นไม่ได้เพราะเป็นนายกฯ หลายคนก็หาว่าตนบ่น​ ตนมั่นใจว่าสถานการณ์ของประเทศเราจะกลับค่อยๆ กลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ และดีกว่าเดิม เหมือนที่ตนเคยพูดเสมอว่าBetter Thailand ที่นี่ก็คือ Better ภูเก็ต บ้านต้องมีหลายเสาแต่ละเสาก็มีหน้าที่ของมัน ทั้งพยุงทั้งค้ำยัน ต้องมีธุรกิจเกี่ยวเนื่องต่อเนื่อง ประโยชน์ทางตรงทางอ้อม และทุกคนมีส่วนได้ส่วนเสียของห่วงโซ่นี้​ 

โดยช่วงหนึ่ง​ นายกรัฐมนตรี​ ระบุว่า วันนี้อะไรก็ดีไปหมดประเทศชาติก็สงบสุข ก่อนที่จะหัวเราะ และกล่าวต่อว่า นี่ก็ถือว่าสงบสุขในระดับหนึ่ง แต่ก็อยู่ที่พวกเรา​ นายกรัฐมนตรีบังคับใครไม่ได้นัก ขอให้ทุกคนนึกถึงประเทศไทย ของเราก่อนก็แล้วกัน​ เพราะนี่คือ แผ่นดินเกิด แผ่นดินตายของเรา​ หากไม่ไปตายเมืองนอกนะ​ นี่คือแผ่นดินของเรา

ขณะที่การใช้เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ทำให้คนได้เห็นเหมือนอยู่ในสถานที่นั้น​ ทำให้อยากมาเห็นสถานที่จริง ยอมรับว่าในรัฐมนตรีไม่ค่อยพูดคำเหล่านี้ เพราะทำอยู่แล้ว พอมีคนพูดขึ้นมาว่า นายกรัฐมนตรีไม่รู้เรื่องอะไรเลย ตนรู้ ก็ขับเคลื่อนก็ทำอยู่ในส่วนของกระทรวง ทบวง กรม ภาคเอกชนก็ทำอยู่ หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC ไม่มีความก้าวหน้า ก็มีความก้าวหน้าตั้งเยอะ มีการลงทุนตั้งหลายแสนล้านบาทแล้ว ยอมรับว่าต้องรอเวลาต้องใช้เวลา บางอันติดก็ต้องเดินหน้าต่อ ก็มีปัญหาของมันทั้งนั้นแหละทำอะไร แต่ต้องทำให้ดีที่สุด

ขณะที่นายกรัฐมนตรี​ ยังกล่าวอีกว่า​ ต้องการเพิ่มอีก 1 ยุทธศาสตร์คือ ยุทธศาสตร์แห่งรอยยิ้มมอบให้กับประชาชน​ การสร้าง Story ให้กับพื้นที่ 

โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวติดตลกว่า หลายคนก็ถามกลับตนว่า สตรอว์เบอร์รีเหรอค่ะ ไม่ใช่ Story ที่แปลว่าสร้างเรื่องราว ตนถึงไม่อยากพูดภาษาอังกฤษ เพราะตนไม่ใช่คนที่เก่งมากอยู่แล้ว แต่ก็พอฟังรู้เรื่อง จึงอยากให้ทุกคนมีการสร้างความเชื่อมโยงร้อยเรียง story และวันหน้าก็ยกระดับขึ้นมา

โดยนายกรัฐมนตรี​ กล่าวในช่วงท้ายอีกว่า การเขียนโครงการต้องเขียนให้ชัดเจน step by step อันไหนทำได้ต้องทำทีเดียว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะใช้จ่ายงบประมาณที่ถูกต้อง เราก็มีปัญหาเรื่องงบประมาณพอสมควร​ แต่ตนก็รับไปพิจารณา ก็ต้องดูหลังจาก ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ผ่านในวาระที่ 2 ของชั้นกรรมาธิการว่าจะเป็นอย่างไร จะผ่านหมดหรือไม่ ผ่านไม่หมด หากผ่านไม่หมดก็ต้องกลับมาว่าจะทำอะไรได้อีก จะนำข้อเสนอไปพิจารณา อะไรที่ทำได้ก็จะทำ ได้ในทันที​ ความเดือดร้อนของประชาชนวันนี้รัฐบาลก็เข้าไปดูแลทุ่มเต็มที่ ทั้งประเทศ ต้องดูแลคนหลายสิบล้านคน​ ที่ผ่านมาเงินก็มหาศาลที่ลงไป ก็เต็มที่ใช่หรือไม่ อีกคนก็ว่ากู้มาทำไมหนี้สาธารณะก็เพิ่ม เพราะมีเรื่องนี้เข้ามาไง เป็นนายกฯ ต้องนึกถึงคนอื่นใจก็อยากอุดหนุนเงินให้ทุกอย่างเลย แต่วันนี้ให้หัวใจคนภูเก็ตไปหมดแล้ว เพราะเราคุ้นเคยกันพอสมควร ตนไม่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีมาก่อน ก่อนมาเป็นนายกฯ ครั้งนี้ เคยเป็นแต่ผบ.ทบ.​นานหน่อย​ แต่ก็ทำให้งานเดิน ทำให้มียุทธศาสตร์ แต่ไม่ใช่หมายว่าจะอยู่จนตายรัง ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนอยู่แล้ว แต่วันนี้ที่อยู่ก็ขอให้ช่วยกัน 

โดยนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า วันนี้การที่มาพูดกับตน พูดดี พูดเก่ง พูดมีสาระ พูดแล้วตนฟังไม่เบื่อ ไม่รู้สึกไม่สบายใจ ทุกคนเปิดอกพูดกันพูดด้วยความหวังดี ไม่ใช่พูดใส่ด้วยความเกลียดชัง ตนก็ยิ้มยากเหมือนกัน ใช่หรือไม่ ตนพร้อมที่จะยิ้มให้กับทุกคน จริงๆ แล้วตนก็เป็นคนใจดี การที่ร่วมมือกันวันนี้คนก็มองว่ารัฐบาลเราไม่เคยคิดอะไรใหม่ๆ เลยหรืออย่างไร พวกเราต้องศึกษา ต้องขับเคลื่อน คำว่าขับเคลื่อนเป็นภาษาไทยอาจจะดูโบราณหรือเปล่า หลายอย่างมีหมดแล้ว 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์