“สุนทร” ยังอ่วม! ป.ป.ช.เผยมีอีกหลายคดี ลุยสอบทรัพย์สินเชิงลึก
เลขาฯ ป.ป.ช. ชี้ช่องถอดถอน “สุนทร” พ้นเก้าอี้ “นายก อบจ.ปราจีนบุรี” ปมสนับสนุน จนท.รัฐออกโฉนดรุกป่า “เขาใหญ่” เผยอำนาจเต็มอยู่ที่ “มท.1” ยันเจ้าตัวยังมีอีกหลายคดี ยกปม อ.ประจันตคาม “ดีเอสไอ” ส่ง อสส.แล้ว เตรียมลุยสอบ “ทรัพย์สิน” เชิงลึกต่อ ยังมีครอบครองที่ดินอีกหลายโฉนด
เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2565 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการถอดถอนนายสุนทร วิลาวัลย์ ออกจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปราจีนบุรี ว่า สำหรับกรณีนี้ ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจดำเนินการถอดถอน แต่ต้องให้ต้นสังกัดคือ กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการ โดยพิจารณาว่าขาดคุณสมบัติหรือไม่ ประพฤติเสื่อมเสียหรือไม่ต่อกรณีที่ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดดังกล่าวไป คือ การสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดในประเด็นการบุกรุกป่า ประเด็นการหนีหมายจับ ดังนั้น รมว.มหาดไทย จึงต้องเป็นผู้พิจารณาว่านายสุนทรขาดคุณสมบัติจริงหรือไม่ หากเข้าข้อหาจะต้องไปสอบสวน และเมื่อสอบสวนแล้วพบว่ามีการกระทำผิด สามารถใช้อำนาจ รมว.มหาดไทยถอดถอนออกจากตำแหน่ง นายก อบจ.ปราจีนบุรีได้ ซึ่ง ป.ป.ช.ได้เพียงชี้แนะว่ามีประเด็นเช่นนี้ ส่วน ป.ป.ช.จะแจ้งไปยังกระทรวงมหาดไทยหรือไม่นั้น ยังไม่ได้มีมติเรื่องนี้
เมื่อถามว่า ป.ป.ช.สามารถดำเนินการได้อีกทางหนึ่งหรือไม่ ในฐานะที่นายสุนทรเป็นผู้บริหารระดับสูงของท้องถิ่น นายนิวัติไชย กล่าวว่า ไม่ได้ เพราะ ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจ ที่ทำได้คือแจ้งประสานงานไปว่านายสุนทรมีพฤติกรรมเช่นนี้ ย้ำว่าเป็นอำนาจโดยตรงของต้นสังกัดคือ กระทรวงมหาดไทย เพราะการกระทำของนายสุนทรที่ ป.ป.ช.ชี้มูลไปว่าสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐให้กระทำผิดนั้น เป็นการกระทำในฐานะเอกชน เนื่องจากในปีดังกล่าวนายสุนทรยังไม่ได้ดำรงตำแหน่งใด เพิ่งมาดำรงตำแหน่งในภายหลัง ดังนั้น จะไปเอาผิดย้อนหลังไม่ได้ ถ้า ป.ป.ช.จะถอดถอนได้ จะต้องเป็นการกระทำความผิดระหว่างดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ปราจีนบุรี
“ขอให้สื่อไปตรวจสอบอีกคดีหนึ่งดีกว่าคือ กรณีที่ดินที่ อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเกิดเมื่อปี 55 เรื่องนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นเจ้าของเรื่อง และดำเนินการส่งไปที่อัยการสูงสุดแล้ว เนื่องจากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐและมีนายสุนทรร่วมด้วย และที่ดินของนายสุนทรไม่ได้มีเพียงแค่โฉนดเดียว ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังพยายามตรวจสอบอยู่ว่าทั้งหมดมีอยู่เท่าไหร่ เพราะเขามีอยู่หลายแปลง รู้สึกว่าจะมี 10 กว่าโฉนด ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สำนักตรวจสอบทรัพย์สินขอ งป.ป.ช.เองกำลังตรวจสอบรายละเอียดเรื่องการครอบครองที่ดินของนายสุนทรอยู่ โดยเฉพาะการถือโฉนดในบริเวณ อ.เนินหอม อ.ประจันตคาม ที่เป็นเขตที่ติดอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เจ้าหน้าที่กำลังดูอยู่” นายนิวัติไชย กล่าว
เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า สำหรับคดีบุกรุกป่ายังไม่จบ ตราบใดที่ยังครอบครองที่ดินอยู่ก็แสดงว่ามีเจตนาบุกรุกอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าข้อหานี้ไม่เกี่ยวกับคดีที่กำลังจะหมดอายุความ ต้องแยกกัน เพราะความผิดคนละมาตรา คนละกฎหมาย คดีบุกรุกป่ายังคงอยู่ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข่าว หน่วยงานสามารถไปดำเนินการสอบสวนสามารถฟ้องบุกรุก แผ้วถาง ปรับสภาพพื้นที่ป่า แล้วไปออกที่ดินโดยมิชอบทั้งที่เป็นที่ดินป่าไม้ได้ ซึ่งถือว่าเป็นการบุกรุก
“อันที่หมดอายุความเฉพาะความผิดกรณีสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐให้กระทำผิด เป็นคนละกรรม แต่ยังมีความผิดอื่นอีกที่สามารถดำเนินการกับนายสุนทรได้ แต่ตอนนี้ปัญหามีอยู่ว่า ต้องดูว่าหน่วยงานไหนจะเป็นผู้ดำเนินการ ใครเป็นเจ้าของทรัพย์ เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ดูแลอุทยานแห่งชาติ ในฐานะผู้เสียหายจะต้องไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบให้ดำเนินการ และกรณีที่มีโฉนดอื่นๆ อีกหลายฉบับต้องไปแยกดูว่าใครเป็นเจ้าของเรื่อง เพราะอาจไม่ได้อยู่ในอำนาจ ป.ป.ช.ทั้งหมด เหมือนบางกรณีที่อยู่ในอำนาจดีเอสไอ” นายนิวัติไชย กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีมาตรา 7 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ซึ่งมีการแก้ไขใหม่ มีสาระสำคัญว่า ถ้าผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไประหว่างดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาของศาล ระหว่างหลบหนี อายุความต้องสะดุดลงนั้น มาบังคับใช้กับกรณีนายสุนทรได้หรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า คดีของนายสุนทร เหตุเกิดเมื่อปี 2545 แต่กฎหมาย ป.ป.ช. แก้ไขเมื่อปี 2554 (ฉบับที่ 2) ที่ให้อายุความสะดุดหยุดอยู่ ซึ่งได้มีคำวินิจฉัยของศาลแล้วว่าการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นโทษย้อนหลังไม่ได้ แต่ถ้ากฎหมายเป็นคุณถึงจะใช้ได้ เรื่องนี้ศาลมองว่าเป็นเรื่องของโทษ ฉะนั้น จะใช้ย้อนหลังไม่ได้
เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการติดตามตัวนายสุนทร นายนิวัติไชย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รายงานว่ากำลังติดตามตัวอยู่ เมื่อถามว่า การที่คดีความของนายสุนทรขาดอายุความเช่นนี้ ถือเป็นการทำงานของ ป.ป.ช. ที่ฟาล์วหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า ไม่หรอก เพราะจะต้องมีการพิจารณาเพิกถอนที่ดินอย่างแน่นอน เนื่องจาก ป.ป.ช.จะต้องส่งเรื่องให้กรมที่ดินเพิกถอน ที่ดินจะได้กลับมาเป็นของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แม้ว่าผู้กระทำความผิดบางคนจะหลุดในกรรมนี้ก็ตาม แต่ใครทำอะไรต้องได้รับกรรมนั้น