โนติสสุดท้าย“เนวิน-อนุทิน” “งูเห่า” โหวตหนุนศึกซักฟอก
ส.ส.งูเห่า ที่อยู่ในลิสต์ของภูมิใจไทย อีกประมาณ 8-10 ราย จำเป็นแสดงตัวให้ชัดเจน ในการโหวตศึกซักฟอกรอบนี้ เพราะเกรงว่าจะถูกตลบหลัง ได้ “น้ำเลี้ยง” ไปแล้ว แต่เปลี่ยนใจทีหลัง ดังนั้นบิ๊กภูมิใจไทยจึงยื่นโนติส “ส.ส.งูเห่า” โหวตสวนมติขั้วฝ่ายค้าน
14 ปี ตั้งแต่ เนวิน ชิดชอบ ลั่นวาทะ “มันจบแล้วครับนาย” แล้วย้ายข้างมาหนุน “ขั้วอนุรักษ์นิยม” ความสัมพันธ์กับ “นายเก่า” ทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่เคยหวนกลับมาคืนดีกันได้
จากนั้น การตั้งพรรคภูมิใจไทย (ภท.)ของ “เนวิน” ก็มีเป้าหมายหลัก รุกคืบยึดพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของ “คนเสื้อแดง” ที่สนับสนุน “ทักษิณ” โดยการดึงตัว ส.ส.เกรดเอ - ส.ส.บ้านใหญ่ มาอยู่ “ค่ายสีน้ำเงิน” สู้รบกับ “ค่ายสีแดง”
ยิ่งช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ข่าวคราว “เนวิน”เขียนบทให้ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินเกมดูด “ส.ส.งูเห่า” จากพรรคเพื่อไทย ยิ่งทำให้ “ทักษิณ” ขุ่นเคืองอย่างหนัก
“เนวิน-อนุทิน” รู้ดีว่า หากจะเอาชนะ “ทักษิณ” ต้องยึดพื้นที่ภาคอีสานมาให้ได้ เพราะเป็นพื้นที่ที่มีจำนวน ส.ส.มากที่สุด ซึ่งล่าสุดคณะกรรมการการเลือกตั้ง แบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ ภาคอีสานจะมี ส.ส.133 ที่นั่ง เป้าหมายของพรรคภูมิใจไทยจึงโฟกัสที่สนามเลือกตั้งภาคอีสานเป็นหลัก
จะเห็นได้ว่า ในช่วงการโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2566 มีสัญญาณให้ “ส.ส.งูเห่า” แสดงตัว เพื่อความชัดเจนในย้ายพรรค ย้ายขั้ว ด้วยการกดปุ่มรับร่างงบประมาณอย่างพร้อมเพรียงกัน
จึงได้เห็น “ 7 ส.ส.งูเห่า” “จักรพรรดิ ไชยสาส์น” ส.ส.อุดรธานี “จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์” ส.ส.ศรีสะเกษ “ธีระ ไตรสรณกุล” ส.ส.ศรีสะเกษ “ผ่องศรี แซ่จึง” ส.ส.ศรีสะเกษ “นิยม ช่างพินิจ” ส.ส.พิษณุโลก “วุฒิชัย กิตติธเนศวร” ส.ส.นครนายก “สุชาติ ภิญโญ” ส.ส.นครราชสีมา โหวตสวนมติพรรคเพื่อไทย
เมื่อภูมิใจไทยรุกหนัก “ทักษิณ” และขุนพลเพื่อไทยจึงต้องแก้เกม ปลุกกระแส “คนเสื้อแดง” ในพื้นที่ภาคอีสานขึ้นมาสู้กับ “กระสุน”การเมือง
ด้วยการดึง “เดอะเต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มานั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ซึ่งหน้าฉากอยู่ภายใต้การคอนโทรลของ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แต่หลังฉากอยู่ภายใต้การสั่งการของคนแดนไกล และนายหญิงบ้านจันทร์ส่องหล้า
ปฏิบัติการ “ไล่หนู ตีงูเห่า” ของครอบครัวเพื่อไทย พร้อมกับฟื้นเสื้อแดงอีสาน อีกนัยก็เพื่อข่มขวัญ “ส.ส.” ที่หักหลักเพื่อไทย รวมถึงคนที่คิดจะแปรพักตร์
ตัวอย่างชัดเจนมากที่สุดคือ ส.ส. สุรินทร์ ซึ่งเป็นที่ต้องการของ “เนวิน-อนุทิน”อย่างมาก และมีกระแสข่าวมาตลอดว่า บางคนปันใจไปให้ภูมิใจไทย แต่เมื่อมีปฏิบัติการปลุกมวลชนคนเสื้อแดง จึงออกอาการลังเล เพราะเกรงว่า “กระแส” จะชนะ“กระสุน” และหากสอบตกในการเลือกตั้งครั้งหน้า โอกาสกลับมาเป็น ส.ส.จะยากเป็นทวีคูณ
ฟากฝั่ง พรรคภูมิใจไทย “เสี่ยโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จำเป็นต้องออกมาคอนเฟิร์มข่าวที่คนกันเองปล่อยออกมา
รวมถึงการปิดดีล “ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์” อดีต ส.ส.พิจิตร หลายสมัย มาเข้าร่วมทีมกับพรรคภูมิใจไทยได้แล้ว
โดย “ศักดิ์สยาม” ส่งสัญญาณชัดเจนว่า จะมี “ส.ส.-อดีตส.ส.” ไหลเข้าพรรคภูมิใจไทยอีกจำนวนมาก ปั่นราคาให้พรรคภูมิใจไทยมีมูลค่าเพิ่มมากกว่าเดิม สร้างความเชื่อมั่นให้บรรดา ส.ส.ที่ยังลังเล รีบหอบข้าวหอบของย้ายเข้ามา
นอกจาก ส.ส. สุรินทร์ ที่ภูมิใจไทยต้องการดูดมาให้ได้ เพื่อเป้าหมายยึดอีสานใต้ ให้ขึ้นตรงกับ “บ้านใหญ่บุรีรัมย์”แล้ว ยังมีความพยายามเปิดดีลกับ ส.ส.อีสานเหนืออีกหลายราย เพื่อวางเครือข่าย แบ่งโซนให้ “แกนนำพรรค” รับผิดชอบ
นครพนม พื้นที่รับผิดชอบของ ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร กำลังเปิดดีล ส.ส.นครพนม เพื่อไทย อีก 3 เขต มนพร เจริญศรี - ไพจิต ศรีวรขาน - ชวลิต วิชยสุทธิ์
มีกระแสข่าวว่า “ครูแก้ว” ศุภชัย คอยประสานงานและอำนวยความสะดวกให้ 3 ส.ส.เกือบทุกเรื่อง หากติดขัดปัญหาอะไรแค่ยกหูบอก ทุกอย่างจะเคลียร์คัทตัดจบให้ได้เกือบทั้งหมด
เวลานี้สถานะของ ทั่นรองฯ“ศุภชัย” จึงเลื่อนชั้น เป็นระดับ “ครูบา” ในนครพนมแล้ว
นอกจากนี้ ภูมิใจไทยยังโฟกัสไปที่พื้นที่ จ.มุกดาหาร และ จ.กาฬสินธุ์ ว่ากันว่า มีคำสั่งให้ “ทรงศักดิ์ ทองศรี” รมช.มหาดไทย เปิดดีล และประสานงานอำนวยความสะดวกให้กับ ส.ส.ใน 2 จังหวัดนี้เช่นกัน
ต้องติดตามว่าบรรดา ส.ส.งูเห่า ที่อยู่ในลิสต์ของภูมิใจไทย จะเปิดตัวกันอีกในช่วงใด ซึ่งว่ากันว่าในบัญชีที่กำลังดูด มีอีกประมาณ 8-10 ราย
โดยต้องการให้ “ส.ส.งูเห่า” แสดงตัวให้ชัดเจน เพราะเกรงว่าจะถูกตลบหลัง ได้“น้ำเลี้ยง”ไปแล้ว แต่เปลี่ยนใจทีหลัง
ดังนั้น ไม้ตายของบิ๊กภูมิใจไทยที่ยื่นโนติสให้ “ส.ส.งูเห่า” คือญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและ 10 รัฐมนตรี หากรายใดพร้อมย้ายเข้าภูมิใจไทย ก็ต้องพิสูจน์ด้วยการสวนมติขั้วฝ่ายค้าน
ต้องจับตาสถานการณ์ศึกซักฟอกที่จะเป็นโอกาสสุดท้าย โหวตย้ายค่ายของ “ส.ส.งูเห่า”