แจง “สลากดิจิทัล” ไม่ริบโควตา-ตัดรายย่อย นายกฯกำชับดูทั้ง 2 ระบบให้เป็นธรรม
“ทิพานัน” แจง “สลากดิจิทัล” ไม่ริบโควตา-ตัดอาชีพรายย่อย เผย “นายกฯ” สั่งกำชับดูแลทั้ง 2 ระบบให้สมดุลอย่างเป็นธรรม เตือนห้ามขายต่อ หวั่นถูกหลอกสูญเงินฟรี เร่งเพิ่มจุดจำหน่ายสลาก 80 บาทให้ครบ 1 พันจุด เร็วสุดใน ก.ค. 65
เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2565 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ โฆษกคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาที่เกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมทั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาและคณะกรรมรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เรื่องผลการจำหน่ายสลากดิจิทัล 2 งวด มีผลตอบรับของประชาชนอย่างมากกับราคาสลาก 80 บาท โดยคณะกรรมการแก้ไขสลากฯ เกินราคา ได้ให้ความคิดเห็นกับคณะกรรมการสลากฯ ไปว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเพิ่มจำนวนสลากฯ ให้มากขึ้นในสัดส่วนของสลากดิจิทัล โดยให้เป็นการเพิ่มแบบค่อยเป็นค่อยไป งวดละ 1-2 ล้านใบก่อน โดยตั้งเป้าไว้ว่าภายในสิ้นปีนี้จะมี 20 ล้านใบ อยู่ในระบบสลากดิจิทัล และพยายามไม่กระทบกับผู้ค้ารายย่อยด้วย
น.ส.ทิพานัน กล่าวอีกว่า ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย อยากให้มีความสมดุลว่าในสัดส่วนของสลากดิจิทัลกับสลากฯ ที่เป็นใบ เพราะผู้ขายอีกส่วนหนึ่งยังคงคุ้ยเคยกับการซื้อขายเป็นใบๆ เป็นห่วงทั้ง 2 รูปแบบการขาย เพราะฉะนั้นนายกฯ กำชับว่าอยากให้พิจารณาถึงความเหมาะสม และบาลานซ์ให้ได้ ทั้งผู้ขายแบบดิจทัลและผู้ขายแบบใบๆ ต้องดูแลให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย เน้นการแก้ไขปัญหาให้สลากฯ มีราคา 80 บาท ให้ถึงมือประชาชนเท่านั้น
น.ส.ทิพานัน กล่าวด้วยว่า ส่วนความกังวลเรื่องถูกตัดโควตา หากไม่ได้ทำผิดกฎหมายยังมีสิทธิที่จะขายสลากกินแบ่งรัฐบาลได้แบบใบเหมือนเดิมได้ต่อไป เพียงแต่ต้องไม่ขายเกินกว่าราคาที่กำหนด 80 บาท หากมีการตรวจพบจะถูกริบโควตาทันที และอนาคตผู้ค้าสลากฯ แบบแผงอยากจะเข้ามาสู่ระบบการขายแบบดิจิทัลนั้น ต้องชี้แจ้งว่า ณ ช่วงที่ทางคณะกรรมการฯ ทำงานในช่วงแรก ได้ให้กองสลากเปิดรับแบบให้สิทธิพิเศษผู้ค้ารายเดิม ลงทะเบียนขายแบบดิจิทัลก่อนคนทั่วไป ซึ่งมีผู้ค้ารายเดิมเพียง 3,000 รายสมัคร จากความต้องการ 10,000 กว่าราย ทาง สนง.สลากฯ จึงต้องเปิดรับ ประชาชนทั่วไปเพิ่มกว่าอีก 7,000 ราย เพื่อให้เพียงพอต่อการเปิดร้านขายสลากดิจิทัล 5,173,500 ล้านใบ ในงวดแรก ซึ่ง ณ ตอนนี้ปิดรับสมัครไปแล้ว มีผู้ที่สมัครแสดงความจำนงกว่า 7 หมื่นราย ดังนั้นผู้ค้าสลากฯ แบบแผงที่ไม่ได้แสดงเจตจำนงไว้ ต้องรอคิวเปิดรอบใหม่อีกครั้ง
ส่วนที่ผู้ค้ารายย่อยกังวลว่าลูกค้าจะไม่ซื้อสลากฯ ใบนั้น น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ปัจจุบันสลากดิจิทัลเป็นเพียง 5% ของ 100 ล้านใบ สัดส่วนส่วนแบ่งตลาด ถือว่าน้อยมากกับความต้องการ แต่สิ่งที่กระทบมากสุดคือ ความรู้สึกของผู้ซื้อที่ยังเห็นราคาสลากฯ หน้าแผงขายเกินราคา ผู้ซื้ออาจจะควักเงินจ่ายหน้าแผงยากขึ้น มีความลังเลในการตัดสินใจซื้อมากขึ้น ส่วนที่จะเพิ่มเป็น 20% หรือ 20 ล้านใบ เป็นสัดส่วนที่ค่อยเป็นค่อยไป
ส่วนข้อกังวลว่าจะสาเหตุที่สลากดิจิทัลขายหมดเร็วเพราะมีการกว้านซื้อมากักตุนสุดท้ายไปบวกเพิ่มเป็นใบละ 100 เกิน 80 บาทเหมือนเดิมหรือไม่ น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สลากดิจิทัลไม่สามารถจะซื้อแล้วนำไปขายต่อได้ เพราะผู้ซื้อผ่านแอพเป๋าตังจะถูกบันทึกตัวตนไว้ในระบบเลยว่า ท่านเป็นผู้ซื้อสลากฯ นี้ แล้วทำการผูกบัญชีผ่านแอพ หากถูกรางวัลจะจ่ายตรงให้กับผู้ซื้อสลากฯ ใบนี้เท่านั้น ดังนั้นการนำไปขายต่อ เป็นการกระทำผิดเงื่อนไข ผู้ที่ซื้อต่อไปก็มีความเสี่ยงที่เมื่อถูกรางวัลแล้ว จะไม่ได้รับเงินรางวัลด้วย เพราะฉะนั้นหากพี่น้องประชาชนพบเห็นการขายต่อสลากดิจิทัล ขอให้แจ้งตำรวจหรือโทรฯ มากองสลากได้เลย แล้วขอให้ช่วยกันส่งต่อข้อมูลที่ถูกต้องว่า ไม่ซื้อสลากดิจิทัลที่มีคนนำมาขายต่อ เพราะว่าอาจจะเป็นกลลวงของมิจฉาชีพได้
“ตอนนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบเพื่อเร่งเพิ่มจุดจำหน่ายสลาก 80 บาทให้ครบ 1 พันจุดให้เร็วที่สุด ภายในเดือน ก.ค. โดยตรวจสอบคุณสมบัติผู้ขายและจุดจำหน่าย ซึ่งตอนนี้มีเกือบ 800 จุดทั่วประเทศ แผนการที่จะเพิ่มในอนาคตให้มากกว่า 1 พันจุดขึ้นไปอีก โดยมีแผนที่จะดำเนินการเพิ่มเติม เนื่องจากมีคนสมัครเป็นตัวแทนขายผ่านการคัดเลือกสลาก 80 บาท เป็นจำนวนมาก” น.ส.ทิพานัน กล่าว