กัญชา การเมือง "สุทิน" ซัด "อนุทิน" ทำนโยบายเพื่อประโยชน์การเมือง-ธุรกิจ
"สุทิน" เปิดศึกไม่ไว้วางใจ ซัด "อนุทิน" ทำนโยบายกัญชาเสรี เพื่อผลประโยชน์การเมือง ส่อมีผลประโยชน์ทับซ้อน หลัง "ธุรกิจชาญวีรกูล" หันมาทำธุรกิจกัญชงกัญชา
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย เริ่มการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ลำดับแรก ของพรรคเพื่อไทย ในประเด็นความบกพร่องของนโยบายกัญชาเสรีของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ที่สร้างผลกระทบต่อสังคม รวมถึงส่อว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนทางธุรกิจกัญชง กัญชา รวมถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ฐานะหัวหน้ารัฐบาลที่ไม่กำกับดูแลการทำงานของรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล
โดยนายสุทิน อภิปรายยตอนหนึ่งว่า กรณีที่พรรคของนายอนุทินประกาศนโยบายกัญชาเสรีและจะให้ครัวเรือนปลูกได้ไม่เกินครอบครัวละ 6 ต้น พร้อมชวนเชื่อว่าจะสร้างรายได้ให้ประชาชน และจะให้ประชาชนยิ้มได้ เพราะสูบกัญชา และการแก้ไขกฎหมายปลดล็อคกัญชาออจากบัญชียาเสพติดได้สำเร็จ
ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวละเมิดกติกาสากล อนุสัญญาว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ 1961 เป็นอนุสัญญาเดี่ยวที่ไปลงนามด้วยความสมัครใจ มีสถานะเป็นกฎหมายระหว่างประเทศ และทุกประเทศที่ลงนามต้องกลับไปปรับกฎหมายในประเทศให้สัมพันธ์สอดคล้องกับอนุสัญญานี้ทันที และหลายประเทศจับตามองประเทศไทยว่าผู้เดินทางมาจากประเทศไทยจะนำกัญชาที่หลายประเทศถือว่าเป็นยาเสพติดเข้าประเทศ
"มีหมอ แพทย์แผนไทย นักกฎหมายไม่น้อยมาพบผม เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเอ็นระดับประธานองค์กรปราบปรามยาเสพติดระหว่างประเทศมาพบบอกว่าหากกลัดกระดุมเม็ดแรกผิดก็จะผิดไปทุกเม็ด ส่วนนายกปฏิเสธไม่ได้ นโยบายนี้เป็นเงื่อนไขเข้าร่วมรัฐบาล นายกฯจึงจำยอมเป็นนโยบายของรัฐบาลต่อมา ส่วนที่รัฐสภาเห็นชอบให้นำกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดไปก่อน หน้านั้น เพื่ออนุโลมให้ใช้ทางการแพทย์ ไม่ใช่สูบเสพ หรือขายตามถนน เพื่อสันทนาการ” นายสุทิน กล่าว
นายสุทิน กล่าวด้วยว่าหลังจากที่รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขปลดล็อคกัญชา และวันที่ 9 มิถุนายน กัญชาถูกปลดปล่อยไม่เป็นยาเสพติด ถือว่าละเมิดกติกาโลก และที่สำคัญปัจจุบันไม่ มีกฎหมายใดควบคุม แม้สภาฯ จะอยู่ระหว่างพิจารณาร่างกฎหมายโดยกรรมาธิการ แต่ไม่ได้ควบคุม และเปิดให้เสพเสรี ไม่มีมาตรการแยกสารสกัดชัดเจน
"ที่บอกว่าเราจะรวยเพราะกัญชา ต้องตั้งหลักดูดีๆ เจตนาดีแต่ตนคิดว่าไม่ใช่ และถามว่าปลูกแล้วจะไปขายที่ไหน วันนี้ทั่วโลกถือเป็นยาเสพติด พกไปโดนจับทันที ถ้ามาทำเป็นยาโอเค แต่มาตรา 23 ของอนุสัญญาระบุว่าการที่ปลูกกัญชามาแปรรูปทำอุตสาหกรรมยาต้องมีองค์กรเฉพาะควบคุม เพื่อกำหนดโซนนิ่ง และนำเสนอรายงานเพื่ออนุญาตให้ใครปลูกเท่าไหร่ จึงจะขายเพื่อนำไปแปรรูปเป็นยาได้ จะมาขายตามตลาดไม่ได้ หลายคนตื่นตัวไปทำกัญชาระดับประเทศ ตนก็เห็นใจเพราะมันไม่ง่าย การปลูกกัญชาเพื่อแปรรูปเป็นยาส่งออกนอกประเทศไม่ง่าย” นายสุทิน อภิปราย
นายสุทิน ย้ำอีกว่า กรณีการปล่อยเสรีกัญชา คือ ผลประโยชน์ทางการเมือง พรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่เห็นด้วยอยู่ในสภาวะน้ำท่วมปาก ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ต้องรับทำตามให้จบเพราะห่วงว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะถอนตัว มีข่าวลือว่ามีนักการใหญ่ข้ามไปทำไร่กัญชาที่ประเทศลาว และมีบริษัทยักษ์ใหญ่วางระบบธุรกิจไว้หมด
นอกจากนี้มีบริษัทยักษ์ใหญ่ประเทศญี่ปุ่นแอบมาตกลงกับนักการเมืองไทยด้วย มีข่าวเครือซิโน-ไทยลุยธุรกิจกัญชง ผมก็เข้าไปดูว่าใช่หรือไม่ และพบว่าไม่ใช่ข่าวโคมลอย เพราะมีการแจ้งเปลี่ยนแปลงธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ คนถือหุ้นเยอะคือครอบครัวชาญวีรกูล แต่รัฐมนตรีแสดงทรัพย์สินแล้วว่าโอนหุ้นไปหมดแล้ว ส่วนจะบริหารทางอ้อมอย่างไรตนไม่รู้ นอกจากนั้นรัฐบาลปัจจุบันยังแจกกล้าต้นกัญชาให้ประชาชนด้วย
"ผมและพรรคเพื่อไทยไม่ได้คัดค้านกัญชา และนโยบายกัญชา แต่ต้องทำโดยไม่มีผลกระทบ โดยให้กัญชากลับไปอยู่ในบัญชีเสพติด แต่ขอเว้นเพื่อใช้ทางการแพทยย์ รวมถึงทำธุรกิจในฐานที่ควรจะเป็น ขอให้ศึกษาดีๆก่อนเดินหน้า เพื่อความปลอดภัย ผมจึงขอไม่ไว้วางใจให้นายอนุทินและนายกฯอยู่บริหารประเทศชาติต่อไป เพราะแค่นี้ก็ขนหัวลุกแล้ว และยังมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ถามว่านายกฯไปไหน เรื่องที่พูดนี้ใหม่หมด จะปล่อยนายอนุทินนั่งฟังคนเดียวไม่ได้ ขอให้คิดกันให้ถ้วน” นายสุทิน กล่าว