“จุลพันธ์”ชี้นายกฯเอื้อทุนใหญ่ปล่อยเอกชนควบรวมกิจการผิดม.157

“จุลพันธ์”ชี้นายกฯเอื้อทุนใหญ่ปล่อยเอกชนควบรวมกิจการผิดม.157

“จุลพันธ์”ชี้นายกฯเอื้อทุนใหญ่ปล่อยเอกชนควบรวมกิจการผิดม.157 ซัดความสามารถการแข่งขันทางธุรกิจไทยน้อยลง เปรียบ “ประยุทธ์” เหมือนคอมพิวเตอร์ตกรุ่น บริหารเศรษฐกิจแบบมัดตราสัง ผลาญงบมากกว่าทุกนายกฯ 20 กว่าคนรวมกัน

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เป็นคนแรกที่อภิปราย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ถึงความล้มเหลวการบริหารงานด้านเศรษฐกิจ ว่า วันนี้ประชาชนไม่มีความหวังในชีวิต เกิดความยากจนเดือดร้อน เหลือเพียงแต่ความเครียดแค้นชิงชังกับรัฐบาลที่ทำลายชีวิตของเขา ฉุดรั้งประเทศ ฉุดลากชีวิตคนไทยให้จมอยู่ในกองทุกข์ รายจ่ายเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่รายรับกลับน้อยลง คนไทยไม่ควรเดือดร้อนขนาดนี้ 

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า เพราะคนไทยมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประเทศไทยอยู่รัฐบาลของ พลเอกประยุทธ์มายาวนาน 8 ปี ทำให้เสียโอกาสมากกมาย เป็น 8 ปีแห่งการทำลายชีวิตคนไทย 8 ปีแห่งมหาวิกฤติของคนไทย โดยวันนี้เราอยู่ในจุดที่นอกจากไม่มีโอกาสแล้ว พลเอกประยุทธ์ยังเปลี่ยนโอกาสเหล่านั้นเป็นวิกฤติ จนทำให้ประชาชนมองไม่เห็นอนาคต 

“ช่วงที่ไม่มีวิกฤตใดๆในโลก ประเทศหลายประเทศเขาเดินหน้า แต่ประเทศไทยเราหยุดนิ่ง ในช่วงที่มีวิกฤติ เช่น วิกฤติโควิด หลายประเทศเขาสะดุดติดขัด แต่ประเทศไทยเราล้มไม่เป็นท่า วันนี้ที่ทั่วโลกวิกฤติ เขาผ่านพ้นแล้ว เขากำลังฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิดอย่างแข็งแกร่ง ประเทศไทยเรายังตั้งไข่ไม่ได้”

นายจุลพันธ์ ยังกล่าวว่า หากไปถามคนไทยทั้ง 70 ล้านคน ทุกคนจะบอกว่าพลเอกประยุทธ์เป็นสาเหตุของความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ และทำให้คนไทยต้องจมอยู่ในกองทุกข์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงวิกฤติของผู้นำ พลเอกประยุทธ์เปรียบเหมือนคอมพิวเตอร์ที่ตกรุ่น ไม่สามารถทำการคำนวณแก้ไขปัญหาสมัยใหม่ได้แล้ว ไม่ต่างอะไรกับขยะอิเล็กทรอนิกส์ มีแต่คนรังเกียจ
 

“จะไปทิ้งอย่างต้องหาวิธีมากำจัด วันนี้มีคอมพิวเตอร์มาให้เปรียบเทียบมาก เขาเทียบกับคอมพิวเตอร์รุ่นชัชชาติ เขาเทียบกับรุ่นของเพื่อไทย คอมพิวเตอร์รุ่นเพื่อไทยมองเห็นปัญหา มีวิสัยทัศน์ที่จะเข้าไปแก้ไข มีนโยบายที่จะช่วยเหลือหาทางออกให้สังคม คอมพิวเตอร์รุ่นประยุทธ์ต้องรู้แล้วว่าท่านตกรุ่น”

นายจุลพันธ์ ความไร้ความสามารถของพลเอกประยุทธ์ไม่ใช่การข้อกล่าวหาลอยๆ แต่เป็นข้อเท็จจริง ที่สะท้อนผ่านการจัดอันดับความสามารถการแข่งขันของประเทศไทยจาก IMD ที่หล่นลงจากอันดับที่ 26 ไปอันดับ 33 ลดลง 5 ลำดับ เป็นวงจรอุบาทที่พาให้เศรษฐกิจดิ่งลง ทำให้ภาคธุรกิจไม่สามารถแข่งขันได้ เราอยู่กับที่ แต่คู่แข่งวิ่งนำหน้า เราเคยเป็นเสือตัวที่ 5 แต่อยู่กับพลเอกประยุทธ์เรากลายเป็นเห็บ โดยเฉพาะประสิทธิภาพของรัฐบาลตกลงไป 11 อันดับ ตั้งคำถามว่าจะมีใครมาลงทุนในประเทศ สิ่งเหล่านี้แสดงถึงความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจอย่างชัดเจนและน่ากลัว 

นายจุลพันธ์ ยังแสดงผลจาก World Economic Forum ที่ระบุว่า ปัญหาความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยตกต่ำ 6 เรื่อง ได้แก่ ความไม่มั่นคงของรัฐบาลและการรัฐประหาร ระบบราชการที่ขาดประสิทธิภาพ นโยบายไม่มั่นคงเปลี่ยนรัฐบาลและการรัฐประหาร ขาดความสามารถที่เพียงพอในการคิดค้นพัฒนา การทุจริตคอรัปชั่น และรายงานที่มีการศึกษาไม่เพียงพอ

นายจุลพันธ์ ใช้ศัพท์ว่าพลเอกประยุทธ์ บริหารเศรษฐกิจแบบมัดตราสัง ที่ภาคธุรกิจดิ้นไม่ได้ เดินไม่ได้ ขยับไม่ได้ จนต้องปิดตัวเป็นจำนวนมาก กระทบการจ้างงานแรงงานตกงาน มีการย้ายกลับภูมิลำเนา รวมถึงการเปิดประเทศแบบลักปิดลักเปิด กล้าๆกลัวๆ เกิดความเสียหายซ้ำเติมในภาคธุรกิจอย่างมหาศาล นอกจากนี้ การบริหารสถานการณ์โควิดเป็นไปด้วยความผิดพลาด บกพร่อง จนเกิดการกู้เงินมาแจก แต่การแจกเป็นเพื่อการบริโภค ไม่เกิดการสร้างงาน ไม่เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ
 

สำหรับวิกฤติพลังงาน แม้ราคาน้ำมันดิบโลกจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย แต่ราคาน้ำมันดิบโลกก็เพิ่งขยับขึ้นเมื่อ 5-6 เดือนหลัง ซึ่งช่วงที่ราคาน้ำมันดิบโลกอยู่ในระดับต่ำ รัฐบาลไม่เคยสามารถบริหารจัดการสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศและภาคเอกชนได้ กลับกดทับเศรษฐกิจไทยด้วยกันเก็บภาษีมาอย่างยาวนาน และเมื่อเกิดวิกฤติสงครามรัสเซียยูเครน กองทุนน้ำมันไทยกลับไม่มีความพร้อมรองรับ 

นายจุลพันธ์ ย้ำว่ารัฐบาล ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ ไม่รู้จักการลงทุน สร้างรายได้ รู้จักแต่สร้างหนี้ ดูจากการจัดเก็บรายได้ในแต่ละปี ที่ไม่เป็นไปตามเป้า ซึ่งตลอด 8 ปีที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ใช้เงินไปแล้ว 30 ล้านล้านบาท และสั่งหนี้สาธารณะทะลุ 10 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงกว่า 60% ของจีดีพีของประเทศ ถือเป็นบุคคลล้มละลายทางการเชื่อถือ

“นายกรัฐมนตรีก่อนท่าน 28 ท่าน รวมกัน 80 กว่าปี เขาก่อหนี้มา ไม่เท่าท่านใช้เวลา 8 ปี สร้างหนี้ให้กับประเทศ สร้างภาระให้กับลูกหลานและประชาชน ผมเปิดดูโทรศัพท์แทบตกเก้าอี้ หลังจากนั่งฟังพลเอกประยุทธ์ แถลงด้วยความภูมิใจ ว่าแก้ปัญหาความยากจนได้แล้ว 72% ทั้งที่คนไทย 90% อยู่ในสถานะหลังพิงฝา ต้องกูหนี้ยืมสินเพื่อกินอยู่” 

นายจุลพันธ์ ย้ำว่า พลเอกประยุทธ์เน้นการสร้างประโยชน์เอื้อทุนใหญ่ ไม่เอื้อให้ประชาชนได้ลืมตาอ้าปาก อีกทั้งประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำสูงสุดในโลก พร้อมกับมอบสโลแกนว่านายกฯ หัวใจคือนายทุน ไม่บริหารเพื่อประชาชนแต่เพื่อกลุ่มทุน มองว่าพลเอกประยุทธ์ปล่อยให้มีการควบรวมกิจการเกิดขึ้นหลายครั้ง ทั้งที่เป็นหน้าที่ของรัฐ ถือเป็นการละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 เป็นหน้าที่ของรัฐในการกำกับ