"จิรายุ"ฉายมหากาพย์ "ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ" อัดนายกฯ-รมต.เหลวแก้พลังงาน-ถลุงงบ

ที่รัฐสภา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา151 ในส่วนของพล.อ.ปรพยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมว่า นายกรัฐมนตรีปล่อยให้พวกพ้องทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง

โดยเฉพาะในส่วนของนายจุติ  ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์   ที่ถูกอภิปรายกรณีทุจริตในโครงการบ้านเคหะสุขประชา ที่ผ่านมาตนในฐานะประธานกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร พยายามที่จะเชิญนายจุติให้ข้อมูลในเรื่องนี้  รวมถึงทักท้วงไปยังพรรคประชาธิปัตย์และไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อตรวจสอบในเรื่องนี้ 

ขณะเดียวกันในฐานะประธานกมธ.กิจการศาล ได้ทำหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ และคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีการตรวจสอบเรื่องนี้ แต่พบว่านายกฯกลับมีการตั้งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นหัวหน้าคณะสอบ คนในพรรคด้วยกันเอง  

เรื่องนี้แม้แต่นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือ ซึ่งเป็นคนที่ทำหนังสือตั้งคณะกรรมการสอบยังบอกกับตนว่า “จะทำอย่างไรได้นายจุรินทร์เป็นหัวหน้า เป็นรองนายกฯและเป็นรมว.พาณิชย์”

รวมทั้งตนได้ทำหนังสือถึงน.ส.รังสิมา  รอดรัสมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฎร เพื่อตรวจสอบกรณีดังกล่าวจนถึงวันนี้เกือบ1ปีไม่แน่ใจว่าคนในพรรคเดียวกันจะตรวจสอบกันเองหรือไม่ 

 

ทั้งนี้ตนจะขอฉายภาพยนตร์มหากาพย์การปล้นชาติกินเมืองทั้ง “ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ”  การอภิรายครั้งที่แล้วตนได้เคยทักท้วงไปยังนายวราวุธ ศิลปะอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ประเด็นการการใช้งบจัดทำน้ำดื่มบรรจุขวดที่มีการใช้งบในส่วนของกองทุนพัฒนาทรัพยากรน้ำบาดาล  และมีการจัดทำไปลงในพื้นที่สุพรรณบุรีมากถึง1.4ล้านขวด ซึ่งเป็นการซื้อขวดเปล่าแล้วนำไปกรอกน้ำบาดาล

และหลังจากถูกทักท้วงทส.มีการประกาศยกเลิกโครงการดังกล่าว สอดคล้องกับนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดทส.ได้ยืนยันเช่นกันว่าได้ยกเลิกไปแล้ว

แต่ปรากฏว่าผ่านไป1ปีกลับมีการแอบทำใหม่แบบเดิมที่เพิ่มเติมคือความฉ้อฉลมากขึ้น โดยปรับเปลี่ยนจากการให้ส่วนกลางเป็นคนซื้อ เปลี่ยนเป็นกระจายไปยัง12เขตใช้เงิน33ล้านบาทในการจัดซื้อ  โดยเฉพาะจ.สุพรรณบุรีที่ใช้งบถึง4.466ล้านบาท

นอกจากนี้ยังพบว่ามีการจัดซื้อในราคาที่แพงกว่าท้องตลาดอาทิขวดน้ำ20ลิตรที่มีราคาในท้องตลาด70บาทต่อแกลอน แต่ทส.มีการจัดซื้อในราคา181บาทต่อแกลลอน 

นอกจากนี้จากการสอบสวนของกมธ.พบว่า บริษัทที่ทำหน้าที่จัดทำราคากลางมีเพียงบริษัทไทยสมัยรวมแพคส์ จำกัด ซึ่งเพิ่งจดทะเบียนเมื่อปี2564 เพียงบริษัทเดียวที่ทำหน้าที่ในการจัดส่งทั่วประเทศ โดยเมื่อวันที่18ก.ค.ที่ผ่านมาได้มีการส่งขวดน้ำที่กรมทรัพยากรน้ำฯ แต่ปรากฏว่าเมื่อทราบว่าตนจะอภิปรายเรื่องนี้ กลับมีการย้ายขวดดังกล่าวหายไป

“ได้ยินมาอีกว่าช่วงนี้เป็นช่วงใกล้เลือกตั้งมีบริษัททัวร์เข้าไปนำเสนอโครงการพาคณะกรรมการกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล  ไปดูงานที่ประเทศนิวซีแลนด์ รวมทั้งยังมีความพยายามในการหาสถานที่ก่อสร้างที่ตั้งกองทุนอีกด้วย”

นายจิรายุ ยังกล่าวว่า  ในขั้นตอนในการจัดทำงบประมาณประจำปี2566 ที่ทำอยู่ ณ เวลานี้ยังพบว่า มีการเสนอจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่างๆรวม10โครงการ มูลค่า1,800ล้านบาทอาทิการจัดซื้อเครื่องขุดเจาะประเภทต่างๆ ในเดือนก.ค.ทั้งที่งบประมาณยังไม่มีผลบังคับในช่วงเดือนต.ค. โดยมีการจัดซื้อจัดจ้างที่ดูเหมือนจะเร่งรีบ เพราะกำลังจะมีการเลือกตั้ง

ทั้งนี้เมื่อไปดูการใช้เงินงบประมาณตั้งแต่ปี2559-2564 จากงานประเภทเดียวกันส่วนใหญ่มักจะเริ่มจัดซื้อจัดจ้างในช่วงไตรมาส1-2ของปีงบประมาณชนิดที่ไม่เคยมีหน่วยงานใดทำมาก่อน  

"เรื่องนี้ทั้งพล.อ.ประวิตร วงษ์วุสรรณ ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำ รวมถึงนายวราวุธ ในฐานะรมว.ทส.ไม่ทราบว่าไม่กล้าดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร" 

ถัดมา จะเป็นเรื่องของ "ลม"และ "ไฟ" โดยเฉพาะปัญหาน้ำไฟแพงที่เกิดจากการบริหารราชการผิดพลาดของรัฐบาล

ทั้งนี้ในประเด็นแก้ปัญหาพลังงานซึ่งนายกฯบอกว่าจะมีการใช้กลไกทางกฎหมายในการลดค่ากลั่นเพื่อขอลดกำไร แต่นายกฯกลับหลอกประชาชนไปวันๆไม่ได้มีการไปเจรจาจริง ต่างจากโรงกลั่นที่รวยเอารวยเอา 

ทั้งนี้ตั้งแต่เดือนม.ค.-มี.ค.โรงกลั่นน้ำมันที่ขายให้กับคนไทยเวลานี้ เพียงแค่3เดือนมีกำไรสูงกว่าทั้งปีของโลกทั้งที่รัฐบาลบอกว่าจะไปเจรจา

ส่วนกรณีที่นายสุพัฒนพงษ์ พันมีเชาว์ รองนายกฯและรมว.พลังงาน ระบุว่าค่ากลั่นมีราคาลดลงนั้น ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อปีที่แล้วบริษัทไทออยล์เพิ่งเพิ่มกำลังการผลิต1.2แสนบาร์เรลต่อวันเพื่อเพิ่มการส่งออก ไปขายต่างประเทศทั้งที่ขณะนี้ประชาชนกำลังได้รับความเดือดร้อน

ขณะที่ในส่วนของก๊าซLPG ปัจจุบันพบว่า มีสัดส่วนที่ขายให้กับ ปิโตร เคมิคอลมากกว่าประชาชน เนื่องจากได้กำไรกว่าขอถามว่าขายเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ก๊าซในราคาต่ำหรือไม่ ตัวเลขที่ไปขายให้ ปิโตร เคมิคอล มันมากมายขนาดไหนประชาชนจึงได้ใช้ก๊าซในราคาที่แพงอยู่

ขณะที่ค่าไฟที่ขณะนี้มีราคาพุ่งสูง เพราะเสียค่าโง่แท่นขุดก๊าซอ่าวไทย และเสียค่าทนายไปแล้ว 500 ล้านบาท ทำให้ต้องซื้อไฟฟ้าจากต่างชาติ ไม่เกี่ยวกับวิกฤตรัสเซีย และยูเครนสักเท่าใด ส่

วนนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่มีความรู้ความสามารถเรื่องพลังงาน แต่สมัยที่เป็นประธานกรรมการบริหารบริษัท PTT GC มีน้ำมันปาล์มมูลค่า 2.1 พันล้านบาท หายไป 

“จึงอยากรู้ว่าหายไปเข้ากระเป๋าใคร นี่คือเรื่องที่เกี่ยวกับการทุจริตหรือไม่ ดังนั้น จึงเป็นความห่วยแตกโหลยโท่ยของรัฐบาล ที่มีส่วนได้เสียกับเรื่องพลังงานอย่างชัดเจน”