แกะรอย หจก.บุรีเจริญฯ (ตอน3): เปิดบ้าน “ศุภวัฒน์” คนรับโอนหุ้น “ศักดิ์สยาม”
แกะรอย หจก.บุรีเจริญฯ (ตอน3): เปิดตัว-ดูบ้าน “ศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์” ตัวละครรับโอนหุ้นจาก “ศักดิ์สยาม” 119 ล้านบาท ยันโอนราคาพาร์ ไม่ต้องเสียภาษี พบทำธุรกิจ 5 แห่ง “ร้าง” 3 บ้านอยู่ บางบัวทอง จ.นนท์ฯ ชาวบ้านให้ข้อมูลตรงกันสนิท “เสี่ยโอ๋”
ยังคงเป็นเงื่อนปมที่ค้างคาใจสาธารณชน ประเด็นการรับโอนหุ้นของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ระหว่าง “เสี่ยโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ที่ขายให้กับ “เอ” ศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ มูลค่ากว่า 119 ล้านบาท เมื่อปี 2561
กรณีนี้ถูกหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า
1.นายศักดิ์สยาม โอนหุ้นให้กับนายศุภวัฒน์ เมื่อปี 2561 มูลค่ากว่า 119 ล้านบาท โดยนายศักดิ์สยาม โชว์หลักฐานเป็นสเตทเม้นท์การโอนหุ้นว่านายศุภวัฒน์ โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร 3 ครั้ง ระหว่างเดือน ส.ค. 2560-ม.ค. 2561 รวมเป็นเงิน 119.5 ล้านบาท
อย่างไรก็ดีแม้การโอนหุ้นเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2561 แต่ หจก.บุรีเจริญฯ ยังใช้ที่ตั้งเดียวกับบ้านของนายศักดิ์สยาม ซึ่งปรากฎข้อมูลตามบัตรประชาชน และข้อมูลที่แจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า คือ 30/2 ม.15 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ จนกระทั่งมาเปลี่ยนที่ตั้ง ก่อนหน้านายศักดิ์สยามได้รับการโปรดเกล้าฯเป็น รมว.คมนาคม เพียง 23 วัน
โดยสาเหตุที่ไม่ย้ายที่อยู่หลังรับโอนหุ้น นายศุภวัฒน์ อ้างว่า เพราะคู่ค้ารู้จักที่ตั้งตรงนี้ดี มีความสะดวกในการติดต่อทำธุรกิจ และเนื่องจากงานส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน การให้บริษัทอยู่ที่เดิม ทำงานได้ง่ายกว่าย้ายไปที่อื่น
อ่านข่าว: หยุดเสนอข้อมูลเท็จ! ผู้จัดการ หจก.บุรีเจริญฯ ยันไม่ใช่นอมินี "ศักดิ์สยาม"
2.กรณีการโอนหุ้นระหว่างนายศักดิ์สยาม และนายศุภวัฒน์นั้น ทั้งคู่ต่างยืนยันว่า มีการชำระเงินจริง แต่เป็นการชำระเงินใน “ราคาพาร์” คือการซื้อ-ขายราคาจริง ไม่มีกำไร ทำให้ไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากกฎหมายกำหนดไว้เช่นนั้น
3.กรณีนายศุภวัฒน์ เคยเป็นลูกจ้างในบริษัท บุรีรัมย์ศิลาชัย (๑๙๙๑) จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจของคนตระกูล “ชิดชอบ” นั้น นายศักดิ์สยาม ยืนยันว่า บุคคลดังกล่าวเป็นคนมีฐานะ แต่อยากได้สิทธิประกันสังคม ก่อนหน้านี้เคยเป็นพนักงานในอีกบริษัทหนึ่ง แต่บริษัทนั้นปิดตัวไปจึงนำชื่อเข้ามาบริษัท ศิลาชัยฯ เพราะบางทีคนมีเงินมักจะขี้เหนียว จึงเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ไม่ได้เกี่ยวกับตนแต่อย่างใด
ข้อมูลเหล่านี้ กำลังจะถูกฝ่ายค้านนำไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการไต่สวนต่อไป
อ่านข่าว:
"สุทิน" จ่อยื่น ป.ป.ช.สอย 5 รมต.หลังซักฟอก ไม่หวั่น "ศักดิ์สยาม" ขู่ฟ้อง
“ศักดิ์สยาม” ยันแจงได้หมด ไล่ฝ่ายค้านทำงานเพื่อ ปชช. เสียเวลาสอบซุกหุ้น
ในส่วนข้อมูลของนายศุภวัฒน์นั้น จากการสืบค้นพบว่า เคยเป็นผู้บริจาคเงินให้แก่พรรคภูมิใจไทย เมื่อเดือน ม.ค. 2562 โดยบริจาคเป็นทรัพย์สิน/ประโยชน์อื่นใด มูลค่า 2,770,000 บาท
ส่วน หจก.บุรีเจริญฯ บริจาคเงินให้แก่พรรคภูมิใจไทย เมื่อเดือน ก.พ. 2562 (ภายหลังนายศุภวัฒน์ ซื้อหุ้นต่อจากนายศักดิ์สยามแล้ว) เป็นจำนวนเงิน 4.8 ล้านบาท
ล่าสุด หจก.บุรีเจริญฯ บริจาคเงินให้แก่พรรคภูมิใจไทย เมื่อเดือน พ.ค. 2565 อีกกว่า 5.9 ล้านบาท
ในมุมธุรกิจพบว่า นายศุภวัฒน์ เป็นหุ้นส่วน/กรรมการบริษัทอย่างน้อย 5 แห่ง (เท่าที่ตรวจสอบพบ) โดยยังดำเนินกิจการอยู่ 2 แห่ง ได้แก่
1.หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อ 8 มี.ค. 2539 ทุนปัจจุบัน 159,501,000 บาท ตั้งอยู่ที่ 30/17 หมู่ที่ 15 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด รับเหมาก่อสร้าง
ปรากฏชื่อหุ้นส่วน ดังนี้
- นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ ลงหุ้นด้วยเงินสด จำนวน 159,496,000 บาท
- นางสาวปริชาติ ขันเสน ลงหุ้นด้วยเงินสด จำนวน 1,000 บาท
- นายเอกราช ชิดชอบ ลงหุ้นด้วยเงินสด จำนวน 1,000 บาท
- นางสาววรางสิริ ระกิติ ลงหุ้นด้วยเงินสด จำนวน 3,000 บาท
นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2564 มีสินทรัพย์รวม 302,198,338 บาท หนี้สินรวม 31,385,011 บาท มีรายได้รวม 629,478,943 บาท รายจ่ายรวม 603,360,368 บาท ดอกเบี้ยจ่าย 23,063 บาท เสียภาษีเงินได้ 5,242,093 บาท กำไรสุทธิ 20,853,418 บาท
ข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พบว่า หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น เคยเป็นคู่สัญญารัฐระหว่างปีงบประมาณ 2558-2564 อย่างน้อย 230 โครงการ รวม 3,014.5 ล้านบาท
2.บริษัท สวนกุหลาบ เซอรารี่ซีล จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2540 ทุนปัจจุบัน 15 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่เดียวกับ หจก.บุรีเจริญฯ คือเลขที่ 30/17 หมู่ที่ 15 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด บริการตลาดกลางอิเล็คทรอนิคส์ ปรากฏชื่อ นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ นางสาวจันทราภรณ์ เพชรดี เป็นกรรมการ
บริษัทแห่งนี้ไม่มีรายได้ในช่วง 3 ปีหลังสุด โดยนำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2564 ไม่มีรายได้ มีรายจ่ายรวม 19,802 บาท ขาดทุนสุทธิ 19,802 บาท
ปี 2563 ไม่มีรายได้ มีรายจ่ายรวม 19,802 บาท ขาดทุนสุทธิ 19,802 บาท
ปี 2562 ไม่มีรายได้ มีรายจ่ายรวม 97,052 บาท ขาดทุนสุทธิ 97,052 บาท
ย้อนกลับไปมีรายได้ครั้งหลังสุดคือปี 2561 มีรายได้รวม 3,028,734 บาท รายจ่ายรวม 4,990,802 บาท ขาดทุนสุทธิ 1,962,067 บาท
ย้อนกลับไปมีกำไรครั้งหลังสุดคือปี 2560 มีรายได้รวม 22,202,020 บาท รายจ่ายรวม 19,388,287 บาท เสียภาษีเงินได้ 562,746 บาท กำไรสุทธิ 2,250,986 บาท
ข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พบว่า บริษัทแห่งนี้เคยเป็นคู่สัญญารัฐอย่างน้อย 1 สัญญา ดำเนินการขุดลอกหนองน้ำ (ช่วงที่ 2) โครงการ บร 24476/1บ้านจอก ต.นาโพธิ์ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ขนาดความยาวโดยรอบ 1,027.00 เมตร ลึก (เก็บกัก) 3.50 เมตร โดยกรมทางหลวงชนบท วงเงิน 5,587,061 บาท ทำสัญญาเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2542
ส่วนธุรกิจอีก 3 แห่งที่เหลือ ถูกนายทะเบียนขีดชื่อว่า “ร้าง” ทั้งหมด ได้แก่
- หจก.นีณะวัฒน์ มาร์เก็ตติ้ง ประกอบกิจการค้าวัสดุก่อสร้างทุกชนิด
- หจก.พาราบุรีรัมย์ก่อสร้าง 2015 ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง
- บริษัท ไอ เอส โอ สตีวีโด แอนด์ ทรานสปอร์ต จำกัด ประกอบกิจการขนส่งและขนถ่ายสินค้า และคนโดยสารทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ
ในมุมชีวิตส่วนตัวนั้น หลังจากฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายศักดิ์สยาม เกี่ยวกับกรณีของนายศุภวัฒน์ ทีมข่าวข้นคนข่าว ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ “เนชั่นทีวี” ช่อง 22 ได้ลงพื้นที่ตามหานายศุภวัฒน์ โดนตามจากเบาะแสสลิปการโอนเงิน ที่อ้างว่าโอนเงินกันที่ย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี
โดยทีมข่าวสอบถามจนทราบว่าบ้านของนายศุภวัฒน์ ตั้งอยู่ที่ ม.1 ต.โสนลอย อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เข้าจากปากทางถนนบางกรวย ไทรน้อย ใกล้กันกับสำนักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี โดยบ้านของนายศุภวัฒน์ อยู่สุดทางเดิน ตั้งอยู่บนที่ดินราว 2 ไร่ ด้านหลังติดกับคลองบางบัวทอง (ดูภาพประกอบ)
เบื้องต้นทีมข่าวข้นคนข่าว ได้ขออนุญาตสัมภาษณ์นายศุภวัฒน์ถึงประเด็นที่ถูกฝ่ายค้านพาดพิงในสภาฯ แต่นายศุภวัฒน์ไม่อยู่บ้าน มีเพียงผู้ดูแลบ้านเท่านั้น โดยผู้ดูแลบ้านได้ติดต่อนายศุภวัฒน์ให้ แต่เจ้าตัวไม่สะดวกให้สัมภาษณ์
ส่วนประชาชนบริเวณดังกล่าว ให้ข้อมูลว่า ครอบครัวของนายศุภวัฒน์ มีความสนิทสนมกับนายศักดิ์สยามมานาน โดยเฉพาะตัวนายศุภวัฒน์และพี่ชาย มักเห็นนายศักดิ์สยามเข้านอกออกในบ้านหลังนี้บ่อยครั้ง
เมื่อถามถึงข้อมูลทางธุรกิจ ประชาชนบริเวณดังกล่าว ให้ข้อมูลตรงกันว่า นายศุภวัฒน์ค่อนข้างมีฐานะ ตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ บ้านหลังนี้เปรียบเสมือนท่าเทียบเรือไว้ขนส่งสินค้าทางในเรือในคลองบางบัวทอง ครอบครัวยังเคยทำธุรกิจโรงสีข้าว รับจำนองที่ดิน รวมถึงปล่อยเงินกู้ คนเก่าแก่ในพื้นที่จะทราบกันดี
อย่างไรก็ดีนายศักดิ์สยาม เคยชี้แจงประเด็นเหล่านี้แล้ว สรุปข้อเท็จจริงได้ว่า ข้อกล่าวขายหุ้น หจก.บุรีเจริญฯ กับคนใกล้ชิดคือนายศุภวัฒน์นั้น ยอมรับว่าเป็นเพื่อนสนิทของตน และมีการโอนเงินขายหุ้นจริง 3 ครั้ง ครั้งแรก 35 ล้านบาท ครั้งที่สอง 35 ล้านบาท และครั้งที่สาม 49 ล้านบาท รวม 119.5 ล้านบาท
นายศักดิ์สยาม ชี้แจงอีกว่า ส่วนข้อกล่าวหาซื้อขายหุ้นแต่ไม่ยื่นหลักฐานนั้น ยืนยันว่าการซื้อขายดังกล่าวเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งมีหลักฐานชี้แจงให้เห็นในวันนี้แล้ว และเห็นได้ว่าตนดำเนินการตั้งแต่ 28 ม.ค. 2561 แสดงให้เห็นว่า เรื่องนี้ตัดขาดจากตนแล้ว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดอีก
ส่วนการไม่รายงานในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. นั้น นายศักดิ์สยาม ชี้แจงว่า กิจกรรมทั้งหมดที่ดำเนินการ เป็นเรื่องที่ตนยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่ง รมว.คมนาคม โดยเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2562 โดยตามกฎหมาย ป.ป.ช. กำหนดให้ยื่นทรัพย์สินขณะนั้นภายใน 30 วัน แล้วนำไปแจ้ง ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.