จับตา "กันยาอาถรรพ์" จุดหักเห "การเมือง-โยกย้าย-สัมพันธ์ 2 ป."
ต้องจับตา "ไทม์ไลน์การเมือง" เดือนกันยา ทั้งโผแต่งตั้ง-โยกย้ายบิ๊กเหล่าทัพ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ วาระ 8 ปีด่านชี้ชะตา ".พล.อ.ประยุทธ์" ยังไม่นับรวมสัมพันธ์พี่น้อง2ป. เหล่านี้อาจกลายเป็นจุดหักเหการเมืองหลังจากนี้
หลังที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 5 ต่อ 4 เสียง รับคำร้องที่ “6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน” ยื่นต่อประธานรัฐสภาเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย วาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมสั่งหยุดการปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย
จริงอยู่ “คำสั่งศาล” ที่ออกมา จะสามารถลดอุณหภูมิการเมืองได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า การบริหารราชการของรัฐบาลในยามนี้ ยังอยู่ภายใต้การกำกับของรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ ที่มี “รักษาการนายกรัฐมนตรี” ชื่อ“พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรค และรองนายกรัฐมนตรี
จนถูกเปรียบเปรยในเชิงเหน็บแนมจากฝ่ายค้านว่า ไม่ต่างอะไรกับการ “พายเรือในอ่าง” เพราะคณะรัฐมนตรียังเป็นชุดเดิม
ด้วยสัญญาณการเมืองที่กำลังเปิดเกมรุก-เร่งเร้า ให้ พล.อ.ประยุทธ์ โชวส์สปิริต ด้วยการลาออก อีกสิ่งที่จะต้องจับตาต่อคือ บทบาทและอำนาจหน้าที่ของ “รักษาการนายกฯ” ว่าจะมีมากน้อยเพียงใด
ย้อนดูคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 237/2563 เรื่องมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกรณีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่ หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง
เขียนไว้อย่างชัดเจนว่า “ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามลำดับ ดังนี้
- พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
- นายวิษณุ เครืองาม
- นายอนุ ทินชาญวีรกูล
- นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
- นายดอน ปรมัตถ์วินัย
- นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์”
คำสั่งยังระบุว่า “ในระหว่างการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ผู้รักษาราชการแทนข้างต้น จะสั่งการใดเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล และการอนุมัติเงินงบประมาณ อันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรีได้ ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีเสียก่อน”
ทั้งนี้ แม้ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ “นายกรัฐมนตรี” ด้วยเจตนารมณ์ เพื่อป้องกันการมีส่วนได้ส่วนเสีย และให้สิ้นข้อสงสัย จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย
ทว่า คำสั่งดังกล่าว ไม่ได้นับรวมไปถึงหมวกอีกใบ นั่นคือ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม” ที่ พล.อ.ประยุทธ์ กุมบังเหียนอยู่
นั่นหมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีอำนาจเต็มในส่วนนี้ โดยเฉพาะ “บัญชีแต่งตั้ง-โยกย้ายนายทหาร” ซึ่งเวลานี้ กำลังจัดทำโผบรรดา “แม่ทัพ” น้อยใหญ่อย่างเข้มข้น และจะได้เห็นโฉมหน้าบรรดา ผบ.-แม่ทัพ ก่อนช่วงเกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย.นี้
ต่างจาก “แวดวงสีกา” อย่างตำรวจ ที่พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ “ก.ตร.” โดยตำแหน่ง ตามบทบัญญัติมาตรา 30(1) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ซึ่งก่อนหน้ามีการจัดทำโผโยกย้ายอย่างคึกคัก
ทว่ายามนี้ มีการพูดถึงขอบเขตอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เวลานี้ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ที่จะส่งผลให้ พล.อ.ประวิตร ซึ่งทำหน้าที่รักษาการนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่ “ก.ตร.”แทน
เมื่อเป็นเช่นนี้จะส่งผลต่อ “บัญชีโยกย้าย” ที่มีการจัดทำไปก่อนหน้านี้มากน้อยเพียงใด
ประเด็นนี้ “แวดวงสีกากี” ให้ข้อมูลว่า ในช่วงรอยต่อ ระหว่างประธาน ก.ตร.ประยุทธ์-ประวิตร "โผตร." ที่ยังไม่สะเด็ดน้ำหรือตราบใดที่ยังไม่นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ก็ยังสามารถสลับสับเปลี่ยนรายชื่อหรือเขย่าโผใหม่ได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ฉะนั้น ต้องจับตาว่า ที่สุดแล้วโผที่จะออกมาในช่วงเทศกาลเกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย.ว่าจะสั่นคลอนความ สัมพันธ์ “พี่น้อง 2 ป.” หรือจะมีการจะพูดคุยกันเพื่อเขย่าโผให้ลงตัวมากน้อยเพียงใด
ยังไม่นับรวมกระแสปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ภายใต้อำนาจนายกฯรักษาการ ซึ่งล่าสุด "เนติบริกร" วิษณุ เครืองาม ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่า
"ตามทฤษฎีต้องตอบว่าได้ แต่ทางปฏิบัติไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไม่ได้ทำคนเดียว ต้องไปเกี่ยวกับสถาบันฯ "
ฉะนั้นด้วยการเมืองที่รุกเร้ารอบทิศทาง บวกแรงกระเพื่อมภายในขั้วรัฐบาล ที่มีการจับตาไปที่สัมพันธ์ “พี่น้อง 2 ป.”
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ไทม์ไลน์การเมืองในช่วงกันยาอาถรรพ์ ต้องลุ้นระทึกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ วาระ 8 ปีนายกฯ จุดหักเห ทั้งอนาคต พล.อ.ประยุทธ์ และการเมืองไทย