นาทีทอง "ประวิตร" เถลิงอำนาจ "นายกฯ" เปิดทาง จัดทัพ รับเลือกตั้ง

นาทีทอง "ประวิตร" เถลิงอำนาจ  "นายกฯ" เปิดทาง จัดทัพ รับเลือกตั้ง

การประคองอำนาจของ "ประวิตร" จึงเป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้ เพราะอาจจะเดินพลาดจนเกิดแรงกระเพื่อมให้ตัวเองก็ได้ เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พี่ใหญ่คนนี้ ถือเป็นคนที่ถูกทัวร์ลงมากที่สุดคนหนึ่ง จากหลายกรณีที่ทำให้ถูกสังคมวิพากย์วิจารณ์ในเชิงลบ

การขึ้นเป็นเบอร์1 ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี แทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สืบเนื่องจากกรณีศาลรัฐธรรมนูญ รับวินิจฉัยเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี พร้อมกับสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ 

เป็นที่จับตาอย่างมากว่า ช่วงเวลานับจากนี้ เมื่ออำนาจเปลี่ยนมือ จากน้องเล็ก มาอยู่ที่พี่ใหญ่แห่ง 3 ป. บรรดานักเลือกตั้ง และผู้ที่อยู่เบื้องหลังคนสำคัญอย่าง ป. ที่ 4 ที่เคยมีพาวเวอร์จัดโผแต่งตั้งโยกย้ายบางหน่วยงานมีสี จะกลับมาผงาดหรือไม่

เนื่องจาก พล.อ.ประวิตร ที่แม้จะรักษาการนายกฯ แต่มีอำนาจเหมือนนายกฯ ทุกอย่าง ตามที่มือกฎหมายของรัฐบาล อย่าง "วิษณุ เครืองาม" รองนายกรัฐมนตรี ออกโรงชี้แจง 

เมื่อ "ประวิตร" ขึ้นเถลิงอำนาจ บิ๊ก ป.4 ที่นับเป็นคนใกล้ชิด "นายกฯ รักษาการ" คนนี้มากที่สุดคนหนึ่ง ก็อาจจะผงาด สามารถกำชับอำนาจให้กลับมาเต็มไม้เต็มมือมากกว่าเดิมอีกครั้ง

ในช่วงนาทีทองของ "พล.อ.ประวิตร" ในระหว่างรักษาการนายกฯ ที่เหมือนได้ส้มหล่น มีอำนาจแทบจะเป็นนายกฯ ตัวจริง ต้องวัดใจกันยกใหญ่ว่าจะบริหารจัดการอย่างไร เพราะอย่างที่รู้กันว่า เวลาใครขออะไรจากพี่ใหญ่ ก็ให้หมด

น่าสนใจอย่างมากว่า เกมปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อปูทางขยายฐานเสียงทางการเมืองของพรรคพลังประชารัฐ รองรับการเลือกตั้งครั้งต่อไปนั้น จะมีการขยับปรับเปลี่ยนหรือไม่อย่างไร

เพราะเรื่องนี้ ส.ส.พลังประชารัฐ ส่วนใหญ่ต่างเรียกร้องมาโดยตลอด ให้เปลี่ยนตัวรมว.มหาดไทย หรือ "มท.1" จาก "พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา" ที่ทำตัวห่างเหินกับส.ส. ไม่ตอบสนองสิ่งที่คนเป็นผู้แทนฯ ต้องการเพื่อนำลงสู่พื้นที่แลกกับคะแนนนิยม 

ที่สำคัญ "พล.อ.ประวิตร" เลยลั่นวาจาไว้ว่า 6ส.ส.สมุทรปราการ พลังประชารัฐ ที่ยังไม่ได้รัฐมนตรี ไม่ต้องห่วง ยังไงก็ต้องได้ เพราะว่าทำงานให้รัฐบาล ต้องได้รับการพิจารณา ปรับครม. เมื่อไหร่ ก็ต้องได้เป็น 

รวมถึงกรณีที่น่าจับตาคือการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับสูง โดยเฉพาะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และในแต่ละพื้นที่ที่มีผลประโยชน์มหาศาล ซึ่ง "พล.อ.ประวิตร" จะทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) และประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) 

ตอนนี้จึงเป็นโอกาสที่ใครต่อใครมองว่า สิ่งที่ พล.อ.ประวิตร รอคอยมานาน วันนี้ได้มาถึงแล้วคือวันที่อำนาจคุมฝ่ายบริหารอยู่ในมือ

แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม การขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ รักษาการของพล.อ.ประวิตร ก็อาจจะทำอะไรไม่ได้แบบที่คิดทั้งหมด 

เมื่อ "วิษณุ" แถลงไขถึงกรณีการปรับครม. ของ พล.อ.ประวิตร ว่า ในเชิงทฤษฎีตอบว่าทำได้ แต่ในทางปฏิบัติไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไม่ได้ทำคนเดียว ต้องเกี่ยวกับสถาบัน ไม่ใช่ทำเองได้คนเดียว อะไรที่เกี่ยวกับคนอื่นต้องถามคนอื่นเขาด้วย รวมถึงเรื่องยุบสภา 

ตรงนี้เลยอาจจะเข้าทำนองบุญมี แต่กรรมบัง สำหรับ พล.อ.ประวิตร ก็ไม่แน่ 

ดังนั้น สถานการณ์ทางการเมืองภายหลัง "พล.อ.ประยุทธ์" ถูกสั่งหยุดพักจากเกมอำนาจชั่วคราว เพื่อรอคำวิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะได้ไปต่อ หรือพอแค่นี้ 

การประคองอำนาจของพล.อ.ประวิตร จึงเป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้ เพราะอาจจะเดินพลาดจนเกิดแรงกระเพื่อมให้ตัวเองก็ได้ เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พี่ใหญ่คนนี้ ถือเป็นคนที่ถูกทัวร์ลงมากที่สุดคนหนึ่ง จากหลายกรณีที่ทำให้ถูกสังคมวิพากย์วิจารณ์ในเชิงลบ