เปิดสาระ ร่างรธน.แก้ไข5ฉบับ รัฐสภานัดถกวาระแรก 6-7กันยา นี้

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้นัดประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 6 - 7 กันยายน โดยมีวาระพิจารณาสำคัญ คือ ร่างรัฐธรรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ที่รอการพิจารณาวาระแรก 5 ฉบับ คือ 1.ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไข มาตรา 43 ว่าด้วยสิทธิของบุคคลและชุมชนด้านสิ่งแวดล้อม , 2.ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไข กลุ่มมาตราว่าด้วยสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทย , 3.ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไข มาตรา 159 โดยกำหนดบุคคลที่สภาจะเลือกเป็นนายกฯ ต้องเป็น ส.ส. โดยทั้ง 3 ฉบับดังกล่าวเสนอโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และคณะ

           4.ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขมาตรา 272 ว่าด้วยอำนาจส.ว.ร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เสนอโดยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร  ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 64,151 คนเสนอ

 

           และ 5.ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขมาตรา 120 ซึ่งแก้ไขว่าด้วยองค์ประชุมของการประชุมสภาผู้แทนราษฎรและการประชุมวุฒิสภา ที่เพิ่มข้อยกเว้นไม่ต้องใช้องค์ประชุมนอกจากกรณีกระทู้ คือ เพิ่มวาระรับทราบรายงานองค์กรอิสระ องค์การมหาชน หน่วยงานอื่นที่กฎหมายให้รายงานต่อสภา หรือระเบียบวาระอื่นๆ  เสนอโดยนายวิรัช พันธุมะผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทยกับคณะ

 

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขมาตรา 43 ของพรรคเพื่อไทยนั้น มีสาระสำคัญ คือ เพิ่มสิทธิของบุคคลและชุมชนที่จะได้รับความคุ้มครองส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ดำรงชีพได้ปกติ และต่อเนื่องในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัน สวัสดิภาพ หรือคุณภาพชีวิต ทั้งนี้ได้ตัดวรรคท้ายของมาตรา 43 ที่เป็นบทยกเว้นการมีเสรีภาพตามที่กฎหมายกำหนด

 

           นอกจากนั้นยังได้เพิ่มเติมเนื้อหาสำคัญ ให้บุคคลหรือชุมชนสามารถฟ้องหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ ราชการท้องถิ่น องค์กรของรัฐได้ รวมถึงกำหนดห้ามทำโครงการที่มีผลกระทบต่อชุมชนร้ายแรง ด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ สุขภาพ ยกเว้นได้ศึกษาและประเมินผลกระทบ ผ่านการรับฟังความเห็นประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย รวมถึงกำหนดให้องค์อิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ผู้แทนอุดมศึกษาที่จัดการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมหรือทรัพยากรธรรมชาติหรือสุขภาพให้ความเห็นประกอบ

 

           ขณะที่ ร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขกลุ่มมาตราว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพ ของพรรคเพื่อไทยมีสาระสำคัญ คือการแก้ไขมาตรา 29 ว่าด้วยการรับโทษทางอาญา โดยเพิ่มเนื้อหาให้เกิดการคุ้มครองสิทธิขอปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญาที่พิจารณารวดเร็ว และการไม่ปล่อยตัวชั่วคราวนั้นต้องทำเฉพาะกรณีมีพฤติการณ์ที่เชื่อได้วว่าจะหลบหนี หรือมีเหตุจำเป็นตามกฎหมายบัญญัติ

 

           และ เพิ่มเนื้อหา กรณีจำเลยที่ศาลชั้นต้นไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราวและให้คุมขัง กำหนดระยะเวลาคุมขังดังกล่าวไม่เกิน 1 ปี และกรณีที่ที่จำเลยศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุก 10ปีขึ้นไป จะคุมขังระหว่างพิจารณาชั้นศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาไม่เกิน 1 ปีแล้วแต่กรณี

 

           พร้อมกับเพิ่มมาตราขึ้นใหม่ ว่าด้วยสิทธิของบุคคลในกระบวนการยุติธรรม จำนวน 8 ข้อ อาทิ สิทธิเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมโดยง่าย สะดวก รวดเร็วและทั่วถึง, สิทธิให้คดีพิจารณาถูกต้อง รวดเร็ว เป็นธรรม, การคุ้มครองผู้เสียหา พยานในคดีอาญา

 

           แก้ไขมาตรา 34 ว่าด้วยการเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น พูด เขียน พิมพ์โฆษณา ทั้งนี้ได้เพิ่มข้อความให้การจำกัดการใช้เสรีภาพดังกล่าวไม่รวมถึงการติชมด้วยความเป็นธรรม

 

           แก้ไขมาตรา 44 ว่าด้วยเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ โดยแก้ไขการจำกัดสิทธิดังกล่าวด้วยยกฎหมายเฉพาะที่ตราใช้กับการชุมนุมสาธารณะ คุ้มครองความสะดวกประชาชนที่ใช้ที่สาธารณะหรือรักษาความเรียบร้อยในประเทศที่อยู่ในภาวะสงคราม หรือ ระหว่างที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงหรือกฎอัยการศึก แทนข้อความที่ห้ามชุมนุมเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ ปลอดภัยสาธารณะหรือความสงบเรียบร้อยศีบธรรมอันดีของประชาชน

 

           แก้ไขมาตรา 45 ว่าด้วยเสรีภาพของบุคคลรวมกันจัดตั้งพรรคการเมือง ซึ่งแก้ไขวรรคสอง ให้การตรากฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองต้องมีบทบัติว่าด้วยสมาชิกพรรคการเมืองตามความสมัครใจและไม่เสียค่าใช้จ่าย ส่วนการบริหารพรรคการเมืองต้องอิสระ เปิดเผย ตรวจสอบได้ ขณะที่การเปิดโอกาสให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง นอกจากนั้นกำหนดให้การจัดตั้งพรรคการเมืองไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก ส่วนการยุบพรรคทำได้เฉพาะมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนว่ามีการกระทำเพื่อล้มล้างการปกครอง

 

           แก้ไขมาตรา 47 ว่าด้วยสิทธิรับบริการสาธารณสุขของรัฐ แก้ไขไขให้สิทธิผู้ยากไร้ได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าทุกกรณีไม่มีข้อยกเว้น และเพิ่มข้อความในสิทธิบุคคลป้องกันและขจัดโรคติดต่อนอกจากไม่เสียค่าใช้จ่ายและเหมาะสมแล้ว กำหนดให้ทันสถานการณ์ด้วย

 

           แก้ไขมาตรา 48 ว่าด้วยสิทธิของบุคคลอายุเกิน 60ปี และผู้ยากไร้ที่มีรายได้ไม่เพียงพอต้องได้รับสวัสดิการและสิ่งอำนวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะอย่างสมศักดิ์ศรี รวมถึงเพิ่มสิทธิขอบผู้พิการ ผู้ทุพพลภาพ บุคคลวิกลจริต และบุคคลไร้ที่อยู่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากรัฐที่เหมาะสม