โมดิฟายด์ “ประวิตร” รับกลับ “ธรรมนัส” จับสัญญาณ เลิกใช้บริการ “ประยุทธ์”
หากวันใด ร.อ.ธรรมนัส ยกก๊วนหวนกลับไปซบ พปชร. นั่นคือสัญญาณชี้ชัด “หัวหน้าป้อม” ไม่เอาน้องเลิฟ “พล.อ.ประยุทธ์”ไว้ใช้งานแล้ว
24 ก.ย.นี้ ครบ 1 เดือนเต็ม กับบทบาทรักษาการนายกฯ ของ “หัวหน้าป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ แกนนำคนสำคัญพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เรียกได้ว่าสอบผ่านฉลุย ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้ ก๊วน “ตท.20” เพื่อนร่วมรุ่น “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ.
คนหนึ่ง พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกลาโหม ทหารสายบูรพาพยัคฆ์ ที่เดินตามรอย “หัวหน้าป้อม” ตั้งแต่ ร.2 รอ. และ พล.ร. 2 รอ. ซึ่งมักจะได้รับมอบหมายงานสำคัญ รวมถึงนั่งหัวโต๊ะประชุมวงต่างๆ ช่วยกลั่นกรองงาน ตลอดจนดูแลเรื่องส่วนตัว ล่าสุดเข้าร่วมประชุม ครม.รวมถึง “บิ๊กตู่เล็ก” พล.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา อดีต ผู้ช่วย ผบ.ทบ.
ส่วนอีกคน “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร.ผู้อยู่เบื้องหลัง จับ “หัวหน้าป้อม” มานุ่งยีนส์ ร่นอายุให้ดูฟิตเปรี๊ยะ ดึ๋งดั๋งขึ้นมาทันตาเห็น ลงพื้นที่พบปะประชาชน ลบภาพสี่คนหามสามคนแห่ พร้อมนำชื่อเพลงฮิตยุค 90 ของ “พี่เบิร์ด” ธงไชย แมคอินไตย มาเป็นวลีเด็ด “ใจบันดาลแรง แรงบันดาลใจ”สะท้อนให้เห็นว่า หัวหน้าป้อม สู้ไม่มีถอย
จะเรียกว่าซ้อมบทเป็น “นายกฯ” ไปพลางๆ ก็ว่าได้ หากจับพลัดจับผลู “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องยุติบทบาทการเมืองไว้ตรง “นายกฯ 8 ปี” ในวันที่ 30 ก.ย.นี้
หรือหากโชคดีฝ่าด่านศาลรัฐธรรมนูญได้ ก็ต้องลุ้นต่อว่า จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ อีกสมัยหรือไม่ ท่ามกลางกระแสขาลง ที่หันไปทางไหนมีแต่คนส่ายหน้า
วันนี้แม้ “หัวหน้าป้อม” เป็นเพียงรักษาการนายกฯ แต่วันหน้า ใครจะรู้ว่า อาจได้เป็นตัวจริง เพราะช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ฝ่ายการเมืองได้เห็นข้อแตกต่างที่ชัดเจน ระหว่างมี“หัวหน้าป้อม” นั่งหัวโต๊ะประชุม ครม. ที่ทำงานอาศัยระบบกำกับดูแลภาพรวม พร้อมรับฟัง ส่วนรายละเอียดเจ้ากระทรวง หรือผู้เกี่ยวข้องก็ว่ากันไป ตรงกันข้ามกับ พล.อ.ประยุทธ์ สิ้นเชิง
ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ เองก็ใช่ว่าไม่รู้ร้อนรู้หนาว เพราะฐานการเมืองก็ไม่มี แบ็คอัพที่ดีอย่าง “กองทัพ” ก็ตีตัวออกห่าง จับอาการจาก อีเวนท์นิทรรศการอุปกรณ์ป้องกันประเทศ (Defense & Security 2022) และงานปิดหลักสูตรนักศึกษาวปอ.รุ่น 64 “บิ๊กตู่” ก็ถามหาแต่ “ผบ.เหล่าทัพ” ว่าไปไหน ติดภารกิจอะไร ลึกๆ แล้วคงรู้สึกเสียวสันหลังอยู่ไม่น้อย
ที่สำคัญ เสี้ยนหนามเก่า ก๊วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย มีแนวโน้มจะวกกลับบ้านหลังเดิม พปชร.ตามคำชักชวนของ “หัวหน้าป้อม” ด้วยเหตุผล ยังจำเป็นต้องใช้งาน ด้วยสายสัมพันธ์เก่าก่อนที่สะบั้นกันไม่ขาด ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่
โดยหัวหน้าป้อม เปรียบเสมือนผู้มีพระคุณ เคยยื่นมือเข้าช่วย ร.อ.ธรรมนัส ในช่วงวิกฤติการเมืองปี 52 หลังถูก ศอฉ.ขึ้นบัญชีดำ อายัดบัญชีธนาคารทั้งหมด เหตุต้องสงสัยเป็นท่อน้ำเลี้ยง สนับสนุนม็อบคนเสื้อแดงออกป่วนเมือง เพียงไม่กี่วัน ชื่อ ร.อ.ธรรมนัส ก็ถูกปลดออกจากบัญชีดำ ด้วยบารมี หัวหน้าป้อม ซึ่งขณะนั้นเป็น รมว.กลาโหม
ส่วนปฏิกิริยา ร.อ.ธรรมนัส ต่อกระแสข่าวดังข่าว ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า
"อังคารนี้มีการประชุม ครม.ตามปกติครับ แต่ที่ไม่ปกติคือมีเหล่าเสนาบดีหลายท่านต่างก็ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นทิศทางการเมืองของผม ต้องกราบขอบคุณพี่น้องสื่อหลายๆสำนักที่มีความเป็นห่วงผมในประเด็นดังกล่าวครับ"
“ส่วนตัวผมแล้วในช่วงนี้เราไม่ควรให้ความสำคัญกับการย้ายสังกัดของนักการเมืองเพราะเวลานี้เป็นห้วงเวลาที่พี่น้องประชาชนกำลังหวาดผวากับอุทกภัยหรือน้ำท่วม ทั้งน้ำเหนือและน้ำจากฟ้ากำลังถล่มลงมาในหลายจังหวัดและพี่น้องประชาชนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ผมว่าเราเอาเวลาไปคิดเรื่องการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนดีกว่าไหมครับ”
เมื่ออ่านทุกบรรทัด ทุกตัวอักษร ก็ไม่ปรากฎข้อความปฏิเสธดีล กลับ พปชร. แม้จะเป็นไปได้ว่า สงวนท่าทีรอดูทิศทางลม เพราะ “ร.อ.ธรรมนัส” มีธงอยู่ในใจ หากโจทย์ใหญ่เลือกตั้งหน้า หวังโดดเดี่ยว “พรรคก้าวไกล” หนทางเดียวคือการเปลี่ยนขั้วการเมือง ที่ไร้ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
ภายใต้กรอบเวลาที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ประกาศวันเลือกตั้ง 7 พ.ค.2566 กรณีที่รัฐบาลอยู่ครบเทอม
หากนักเลือกตั้งคิดจะย้ายพรรค ต้องสังกัดพรรคภายใน 90 วัน นับจากวันเลือกตั้ง กรณีที่ยุบสภา จะเหลือเวลาเพียง 30 วัน นับถึงวันเลือกตั้งเท่านั้น
จากนี้ไปคงต้องติดตามว่า หากวันใด ร.อ.ธรรมนัส ยกก๊วนหวนกลับไปซบ พปชร. นั่นคือสัญญาณชี้ชัด “หัวหน้าป้อม” ไม่เอาน้องเลิฟ “พล.อ.ประยุทธ์”ไว้ใช้งานแล้ว