“ธนาธร” ลั่นความหวัง ปชช.โดนทำลาย ต้องร่าง รธน.ใหม่-เปลี่ยนระดับรากฐาน
“ธนาธร” ลั่นความหวังของประชาชนถูกทุบทำลายอีกครั้ง หลังศาล รธน.วินิจฉัย “บิ๊กตู่” ไปต่อ ศาล-องค์กรอิสระ ถูกมองเป็นเครื่องมือรับใช้รัฐประหาร “ประยุทธ์” ใช้ความชอบธรรมหมดหน้าตัก ลั่นวิธีแก้แค่เปลี่ยนผู้นำไม่ได้ ต้องใช้ รธน.ใหม่ เปลี่ยนแปลงระดับรากฐาน
เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2565 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก วินิจฉัยสถานะความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่ายังไม่ครบ 8 ปี ว่า ประเทศไทยไม่ได้ต้องการแค่นายกฯใหม่ แต่ต้องการระบอบการเมืองที่มีอนาคต คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ ที่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีซึ่งขึ้นสู่อำนาจผ่านการรัฐประหาร สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ต่อไปจนถึงปี 2568 ไม่เพียงสร้างความคับแค้นใจให้กับประชาชนจำนวนมากในประเทศนี้เท่านั้น แต่มีราคาอันแสนแพงที่สังคมไทยต้องจ่าย จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้ไปต่อ
“ศาลรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงองค์กรอิสระ และระบบตุลาการทั้งองคาพยพ ต้องเผชิญวิกฤตศรัทธาจากประชาชน ถูกมองเป็นเครื่องมือรับใช้ระบอบรัฐประหาร แทนที่จะเป็นสถาบันหลักของชาติ ผดุงหลักนิติรัฐ อนาคตเศรษฐกิจไทยยังต้องไปต่อแบบไร้ทิศทาง ไร้นวัตกรรม เพราะขาดผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ในการออกนโยบายที่จะสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ให้กับประเทL ความหวังของประชาชนในสังคม ถูกทุบทำลายลงอีกครั้ง เกิดสภาพความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง ว่าการเปลี่ยนแปลงสังคมไปสู่ความก้าวหน้า จะไม่สามารถเป็นจริงได้ในอนาคตอันใกล้” นายธนาธร ระบุ
ประธานคณะก้าวหน้า ระบุอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์เอง ก็มีราคาที่ต้องจ่าย ถือว่าครั้งนี้ความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกใช้จนหมดหน้าตัก แม้แต่ผู้ที่เคยสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เองจำนวนไม่น้อย ก็ยังกังขาว่าคำวินิจฉัยครั้งนี้ถูกต้องตามหลักการและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ คสช. เขียนขึ้นมาเองหรือไม่ ทั้งหมดนี้ อาจทำให้พี่น้องประชาชนรู้สึกสิ้นหวัง และยิ่งไม่มั่นใจว่าต่อให้ประเทศมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มีรัฐบาลชุดใหม่ การเมืองไทยจะยังตกอยู่ภายใต้วังวนเดิมของระบบการเมืองที่คณะรัฐประหารได้วางกับดักไว้อีกหรือไม่
“วันนี้เราเห็นแล้วว่า เครือข่ายของขุนศึก ชนชั้นนำอนุรักษนิยม และกลุ่มนายทุนผูกขาด สามารถไปได้สุดทาง ทำได้ทุกอย่างเพื่อรักษาผลประโยชน์และสืบทอดอำนาจพวกพ้องเครือข่ายของตนเอง โดยไม่สนใจว่าจะต้องแลกมาด้วยอนาคตหรือความเจริญก้าวหน้าของประชาชนส่วนใหญ่ ไม่สนใจว่าจะต้องแลกมาด้วยการระบบการเมืองที่ฉ้อฉล ไม่สนใจว่าจะต้องแลกมาด้วยการทำลายสถาบันตุลาการและกระบวนการยุติธรรม” นายธนาธร ระบุ
นายธนาธร ระบุว่า ดังนั้น วันนี้ประเทศของเราจึงไม่ได้ต้องการแค่ผู้นำคนใหม่หรือรัฐบาลชุดใหม่ ขอให้พี่น้องประชาชนคิดไปให้ไกลกว่านั้น ลำพังเพียงการเปลี่ยนผู้นำไม่สามารถทำให้ประเทศรอดพ้นจากระบอบการเมืองที่กัดกินประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศได้ จุดเริ่มต้นคือการผลักดันให้เกิดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ร่างโดยประชาชนให้ได้ เพื่อยุติกลไกสืบทอดอำนาจของระบอบรัฐประหาร และเดินหน้าสถาปนาหลักการประชาชนคือผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศ
นายธนาธร ระบุด้วยว่า แต่ที่ไกลกว่านั้น เราต้องการการเปลี่ยนแปลงระดับรากฐาน เราต้องการยกเลิกรัฐราชการรวมศูนย์ ไปสู่ระบบการบริหารประเทศที่ก้าวหน้า มีประสิทธิภาพ และกระจายอำนาจไปสู่ประชาชนทั้งประเทศ เพื่อปลดปล่อยศักยภาพของประเทศ เราต้องการระบบรัฐสวัสดิการที่ถ้วนหน้าครบวงจร เพื่อทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมั่นคง พร้อมที่จะเผชิญกับโลกยุคใหม่ที่ผันผวน เราต้องการการศึกษาที่มีคุณภาพดีอย่างเท่าเทียมกัน ปลดปล่อยศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ของเยาวชน เราต้องการระบบเศรษฐกิจที่ไม่ได้ผูกขาดอยู่ในมือของกลุ่มทุนใหญ่ แต่สร้างความเติบโตอย่างเป็นธรรม ก้าวหน้าทันโลก เราต้องการระบบกฎหมายที่เสมอภาคเท่าเทียมกัน มุ่งคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและชีวิตทรัพย์สินของประชาชน เราต้องการกองทัพที่อยู่ภายใต้พลเรือน ทันยุคทันสมัย
“ทั้งหมดนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หากเราไม่มีระบบการเมืองที่เป็นตัวแทนรับใช้ประชาชน 99% ไม่ใช่แค่คน 1% ที่อยู่บนยอดพีระมิด ระบบการเมืองที่รับใช้คน 99% คือเป้าหมายสูงสุดของผมตั้งแต่เริ่มต้นทำงานการเมืองในนามพรรคอนาคตใหม่ และยังเป็นเป้าหมายของพวกเรามาจนถึงปัจจุบัน จะสร้างประเทศไทยที่ก้าวหน้าได้ ประชาชนทุกคนต้องร่วมกัน ไม่ใช่แค่เลือกผู้นำคนใหม่ แต่เดินหน้าเพิ่มความเปลี่ยนแปลงให้สังคมในทุกๆ วัน เพื่อสร้างระบบการเมืองแบบใหม่ที่จะทำให้ประชาชนคือผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศอย่างแท้จริง” นายธนาธร ระบุ
อ่านรายละเอียด: https://web.facebook.com/photo/?fbid=649706679838578&set=a.496629655146282