“สามมิตร” 3 ทางเลือก สเต็ป “สมศักดิ์” ต้องผู้ชนะเท่านั้น
สมศักดิ์ และ สามมิตร ถูกจับตามองมาโดยตลอดว่าทุกการตัดสินใจนั้น ต้องถูกต้อง ถูกที่ ถูกเวลา ส่วนจะช้าหรือเร็ว ก็ขึ้นกับสถานการณ์ ตามนิยาม ที่คอการเมืองรู้กันดีว่า กลยุทธ์คนค่ายนี้ มีเพียงอย่างเดียวคือไปกับผู้ชนะ หรือต้องร่วมรัฐบาลเท่านั้น
กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว สำหรับเรื่องการย้ายพรรคของส.ส.พลังประชารัฐ ไม่มีอะไรต้องเหนียมอีกต่อไป หลังลูกพรรคลุงป้อม โผล่ไปร่วมงานวันเกิด เนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่แห่งพรรคภูมิใจไทย ที่เป็นสัญญาณการโยกย้ายชัดเจน
ก่อนจะสำทับด้วยการออกมายืนยันของ สัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ ที่พูดเต็มปากว่า จะลาออกจากส.ส.พลังประชารัฐ ต้น ธ.ค.นี้ ถือเป็นการปลดล็อกให้คนในพรรคกล้าขยับมากขึ้น
กลุ่มก๊วนใหญ่อย่าง“สามมิตร” นำโดย สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ และสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่คล้ายอยู่ในภาวะจำศีล ไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งปวงนั้น
เอาเข้าจริงอาจไม่เป็นอย่างนั้น กลุ่มสามมิตร ขบคิดกันมาตลอดถึงอนาคตทางการเมืองในเกมต่อไป ด้วยเหตุผลหลักคือ ตลอดระยะเวลาที่อยู่กับพลังประชารัฐ มีหลายเรื่องที่ไม่สมหวัง ทั้งยังไม่ใช่กลุ่มก๊วนที่เป็นลูกรัก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และเมื่อบวกกับกระแสพรรคที่ตกต่ำ ไปต่อยาก จึงต้องพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง
จะว่าไปแล้ว สามมิตรมองหาลู่ทางมาโดยตลอด ว่าจะขยับเมื่อไหร่ อย่างไร และจะไปทางไหนเดิมมีทางเลือกแรกที่คิดไว้ คือ ทำพรรคของตัวเอง ภายใต้กติกา บัตรใบเดียวหาร 500 แต่เมื่อเกมเปลี่ยน แผนนี้จึงตกไป
ทางเลือกที่ 2 ของสามมิตร เริ่มเห็นเค้าลางชัดเจนขึ้นในช่วง 180 วัน ก่อนรัฐบาลครบวาระ เริ่มมีชื่อพรรคเพื่อไทย เข้ามา คนในสังกัดพรรคคนแดนไกลตอนนี้พูดกันอื้ออึง เพราะมองว่าสามมิตรจะเป็นอีกจิ๊กซอว์สำคัญ ที่จะช่วยเติมเต็มเป้าหมายแลนด์สไลด์ในโซนภาคเหนือตอนล่างหรือภาคกลางตอนบน เช่น สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร รวมถึงนครสวรรค์
ต้องไม่ลืมว่า พันธมิตรของสามมิตร ยังมี วราเทพ รัตนากร แกนนำกลุ่มส.ส.กำแพงเพชร หรือแม้แต่ เสธหิ หิมาลัย ผิวพรรณ ที่มี 3 ส.ส.พลังประชารัฐ อยู่ในสังกัด ได้แก่ สุรชาติ ศรีบุศกร ส.ส.พิจิตร สัญญา นิลสุพรรณ ส.ส.นครสวรรค์ และ มานัส อ่อนอ้าย ส.ส.พิษณุโลก ซึ่งมีแนวโน้มไม่น้อยว่าจะไปไหนไปกัน
แต่เงื่อนไขของสามมิตรในการร่วมงานกับเพื่อไทย จะมีใครการันตีว่าจะสามารถพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ ไม่เช่นนั้นย้ายไปก็เสียเที่ยว เพราะด่านสำคัญอย่าง 250 ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ ได้ ก็ยังอยู่
ที่สำคัญการที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย ที่เตรียมขนทีมงานไปร่วมกับเพื่อไทย ซึ่งทั้ง สมศักดิ์ กับ ธรรมนัส ไม่กินเส้นกันอย่างหนัก ก็อาจทำให้โอกาสที่สามมิตรจะตัดสินใจไปนั้นริบหรี่
ส่วนทางเลือกที่ 3 คือ ภูมิใจไทย โดยสมศักดิ์ สุริยะ และ อนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลสำหรับภูมิใจไทย เพราะมีส่วนในการก่อตั้ง และเคยสังกัดพรรคนี้มาแล้วในช่วงต้น ก่อนจะแยกตัวไปทำพรรคมัชฌิมาธิปไตย
ทว่า เงื่อนไขที่ตามมาคือ จะต้องต่อคิวนั่งรัฐมนตรียาวแค่ไหน ในเมื่อภูมิใจไทย มีคนไหลเข้ามาก่อนหน้านี้บานตะไท ดีลเดิมเช่น 4 ส.ส.เขต ต่อ 1 เก้าอี้รมช. หรือโมเดลกวาดส.ส.ยกจังหวัดแลกกับเก้าอี้รัฐมนตรี ยังมีเหลือถึงสามมิตรหรือไม่ คงต้องถามคนเป็นครูใหญ่
ถึงอย่างไรก็ตาม สมศักดิ์ และสามมิตร ถูกจับตามองมาโดยตลอดว่าทุกการตัดสินใจนั้น ต้องถูกต้อง ถูกที่ ถูกเวลา ส่วนจะช้าหรือเร็ว ก็ขึ้นกับสถานการณ์ ตามนิยาม ที่คอการเมืองรู้กันดีว่ากลยุทธ์คนค่ายนี้ มีเพียงอย่างเดียวคือไปกับผู้ชนะ หรือต้องร่วมรัฐบาลเท่านั้น