กระชับอำนาจ! อสส.ยึดการสั่ง “คดีพิเศษ” ทั้งหมดจากอธิบดีอัยการฯ
“อัยการสูงสุด” กระชับอำนาจ! ลงนามยึดอำนาจสั่งคดีพิเศษทั้งหมดจาก “อธิบดีอัยการคดีพิเศษ” ต้องผ่าน อสส.ทุกกรณี ชี้ส่วนใหญ่เป็นเรื่องร้ายแรง สำนวนซับซ้อน กระทบกระเทือนความรู้สึกประชาชน มีผลแล้วถึง 30 ก.ย. 66
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด (อสส.) ลงนามเอกสารบันทึกข้อความที่ อส 0001/160 เรื่อง การปฏิบัติเกี่ยวกับสำนวนคดีอาญาของสำนักงานคดีพิเศษ เรียน อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ระบุว่า เนื่องจากสำนวนคดีของสำนักงานคดีพิเศษส่วนใหญ่ จะมีลักษณะพิเศษแตกต่างจากคดีอาญาทั่วไป มีข้อเท็จจริงยุ่งยาก สลับซับซ้อน สำนวนคดีมีเอกสารจำนวนมาก มักจะเป็นเรื่องที่มีลักษณะร้ายแรง กระทบกระเทือนความรู้สึกของประชาชนทั่วไป หรือมีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดเกี่ยวข้องกับการดำเนินการโดยฝ่าฝืนกฎหมาย หรือกระทำการเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยร่วมกันหรือสมคบกันทำเป็นกระบวนการที่มีความสลับซับซ้อน หรือเป็นคดีที่รัฐมีนโยบายป้องกันหรือปราบปรามเป็นพิเศษ
ฉะนั้นเพื่อให้การควบคุม ตรวจสอบ กำกับดูแลการดำเนินคดีอาญาของสำนักงานคดีพิเศษมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ทันต่อเหตุการณ์ และโดยที่ อสส.อาจตั้งคณะทำงานดำเนินคดีเฉพาะเรื่อง จึงให้สำนักงานคดีพิเศษดำเนินการดังนี้
1.ให้ส่งสำเนาสารบบรับสำนวนคดีอาญาทุกประเภทต่อ อสส.ผ่านรอง อสส.ที่รับผิดชอบงานของสำนักงานคดีพิเศษทุกวันทำการสิ้นเดือน
2.สำหรับสำนวนการสอบสวน ซึ่งสำนักงานคดีพิเศษรับไว้เป็นคดีอาญาสำคัญนั้น นอกจากการปฏิบัติตามระเบียบและหนังสือเวียนเกี่ยวกับการควบคุมการดำเนินคดีสำคัญแล้ว ก่อนที่จะสั่งจ่ายสำนวน ให้ส่งสำนวนคดีอาญานั้นไปยัง อสส.ผ่านรอง อสส.ที่รับผิดชอบงานของสำนักงานคดีพิเศษเพื่อพิจารณาก่อน เว้นแต่สำนวนที่มีการฝากขังผู้ต้องหา และจะครบกำหนดระยะเวลาฝากขังตามกฎหมาย
3.สำนวนการสอบสวนใดตามข้อ 2. หากรอง อสส.เห็นว่า สมควรตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อดำเนินคดีเฉพาะ ให้เสนอ อสส.เพื่อพิจารณาตั้งคณะทำงาน ส่วนสำนวนอื่นใดที่เห็นสมควรส่งกลับคืนให้สำนักงานคดีพิเศษดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ให้ดำเนินการส่งคืนได้ตามที่เห็นสมควร
4.ในกรณีที่รอง อสส.ที่รับผิดชอบงานสำนักงานคดีพิเศษไม่อยู่ หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้ส่งสำนวนคดีอาญานั้นผ่านรอง อสส.ที่อยู่ปฏิบัติราชการ และมีลำดับอาวุโสสูงสุดในขณะนั้น เพื่อดำเนินการตามข้อ 2. และ 3. ต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ สำหรับสำนวนคดีอาญาที่ได้รับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2566