"พปชร." ดัน ปลดล็อก แบล็กลิสต์ เครดิตบูโร ชี้ ถูกดองต่อ 2 ปี ไม่เป็นธรรม

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์กรณี นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พลังประชารัฐ ออกมาระบุถึงเวลาแล้วที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ควรสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐอย่างเต็มตัว ว่า เรื่องการจะมาเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้น เป็นสิทธิส่วนบุคคลอยู่ที่การตัดสินใจของพล.อ.ประยุทธ์ แต่ถึงอย่างไรพรรคพลังประชารัฐยังคงสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ เสมอมา 

เมื่อถามว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาจะเป็นประโยชน์กับพรรคหรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า คนระดับนายกฯ ไปที่ไหนก็เป็นผลดีกับที่นั่นอยู่แล้ว โดยเฉพาะนายกฯที่ทำงานเพื่อประชาชนด้วยความซื่อสัตย์ ไปอยู่ที่ไหนประชาชนก็ให้การสนันสนุน 

เมื่อถามว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ เข้าไปจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อันดับ1  แล้วพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐจะเป็นแคนดิเดตอันดับ2 นายสันติ กล่าวว่า อันนั้นเป็นเรื่องทีหลัง ผู้ใหญ่คุยกันเองไม่มีปัญหา ส่วนพรรคจะส่งแคนดิเดตนายกฯ กี่คนนั้น จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคอีกครั้ง 

เมื่อถามว่า กรณีพล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่เข้าพรรค จะทำให้ส.ส.ทำงานลำบากเนื่องจากขาดความชัดเจนหรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า มันยังเร็วเกินไป และส.ส.ของพรรคมีความเข้มแข็งในการทำงาน มีผลงาน รวมถึงผลงานของพรรคก็ทำไปมากในเรื่องนโยบาย เช่นคนละครึ่ง หรือนโยบายของกระทรวงการคลังก็มาจากพรรคพลังประชารัฐส่วนใหญ่ทั้งการเยียวยา ดูแลพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก 

นายสันติ กล่าวว่า อย่างวันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้พิจารณากรณีที่บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ขอมาว่าหลังจากนี้สถาบันการเงินแห่งชาติที่ไม่ใช่ธนาคารจะขอเข้าไปเป็นสมาชิกในระบบเครดิตบูโร ตนได้รับการร้องเรียนว่าคนที่ผิดนัดชำระเงินจะถูกส่งข้อมูลไปที่เครดิตบูโร แล้วถูกขึ้นบัญชีดำ พอเคลียร์หมดบัญชีดำนั้นยังคงอยู่อีก 2 ปี ถือว่าไม่เป็นธรรมจึงเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ถอนบัญชีดำหลังชำระหนี้หมด โดยตนจะผลักดันเรื่องนี้ต่อไป 

เมื่อถามว่า กรณีพล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ชัดเจน ส.ส.จะมีเลือดไหลเพิ่มอีกหรือไม่ นายสันติ กล่าวว่าไม่มี ตนพูด กับส.ส.ทุกคนในพรรคแล้วทุกคนยังยึดมั่นกับพรรค 

เมื่อถามถึงการปรับคณะรัฐมนตรี พรรคพลังประชารัฐที่มีตำแหน่งว่างอยู่มีความเห็นอย่างไรนายสันติ กล่าวว่า การปรับคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องของนายกฯว่าจะเห็นเหมาะสมเมื่อไหร่อย่างไร