“ก้าวไกล” ย้ำ “สวัสดิการก้าวหน้า” ควัก 6.5 แสนล. ทำได้จริง มีแหล่งที่มารายได้
“ก้าวไกล” ย้ำนโยบาย “สวัสดิการก้าวหน้า” ควักงบ 6.5 แสนล้านบาท ทำได้จริง-มีแหล่งที่มารายได้ เผย 3 สถานการณ์ผู้สูงอายุไทยน่าเป็นห่วง ลั่นถ้าสำเร็จปี 2570 คนจนรายได้เพิ่ม 40% ลดอัตราว่างงาน เกิดการจ้างงานในระบบกว่า 4 แสนราย
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2565 พรรคก้าวไกล เผยแพร่ข้อความการเสนอนโยบาย “สวัสดิการก้าวหน้า” นำโดยนายเดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการ Think Forward Center พรรคก้าวไกล โดยระบุว่า สวัสดิการเพื่อคนไทยสูงวัย เดินหน้าสู่บั้นปลายอย่างมีความสุข และไม่ต้องห่วงอะไรข้างหลัง
สถานการณ์ผู้สูงอายุไทยมีความน่าเป็นห่วงใน 3 เรื่อง คือ
- รายได้ในการดำรงชีวิต ผู้สูงอายุกว่า 2 ใน 3 ไม่มีความมั่นคงทางการเงินพอสำหรับการเกษียณ
- ภาวะเจ็บป่วยติดบ้าน/ติดเตียง ผู้สูงอายุไทย เกือบร้อยละ 90 ไม่มีเงินมากเพียงพอสำหรับการจ้างผู้ดูแล หากเป็นผู้ป่วยติดเตียง
- เมื่อเสียชีวิต ผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยที่ต้องจากโลกไปพร้อมความพะวงต่อค่าใช้จ่ายในการจัดการศพตัวเอง เกรงวาจะตกเป็นภาระของลูกหลาน
ทั้งสามข้อ เป็นปัญหาร่วมของทั้งผู้สูงอายุและของลูกหลานที่อยู่ในวัยทำงาน ทำให้การพัฒนาระบบสวัสดิการผู้สูงอายุที่ถ้วนหน้า ครบถ้วน และเพียงพอเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับสังคมไทยในเวลานี้
บางคนบอกว่าการมีสวัสดิการจะทำให้คนไทยขี้เกียจ แต่ความจริงคือคนไทยเป็นคนที่ขยันแทบจะที่สุดในโลก คนไทยมีชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยอยู่ที่ 50.9 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ คนหาเช้ากินค่ำในประเทศไทย ที่ไม่มีเงินเดือน ไม่มีสวัสดิการ ไม่มีสิทธิแม้แต่จะขี้เกียจเพราะถ้าไม่ทำงาน ก็จะไม่มีเงินมาดูแลครอบครัว
หากประเทศไทยสร้างระบบสวัสดิการถ้วนหน้าสำเร็จ ในปี 2570 ครัวเรือนที่ยากจนที่สุดจะมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 40% ช่วยลดสัดส่วนความยากจนจาก 6% เหลือ 2% ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ระหว่างครัวเรือนที่รวยที่สุดและที่จนที่สุด 20% จากที่แตกต่างกันประมาณ 11 เท่าเหลือประมาณ 8 เท่า และเพิ่มการจ้างงานในระบบเศรษฐกิจไทยประมาณ 400,000 ตำแหน่งงาน จากระบบสวัสดิการถ้วนหน้านี้
ถ้าท่านเลือกพรรคก้าวไกลมาสร้างสวัสดิการก้าวหน้าไปด้วยกันกับทุกท่าน หากท่านเป็นผู้สูงวัย ท่านจะเหมือนกับได้มีลูกเพิ่มอีกหนึ่งคนช่วยดูแลส่งเสียท่านยามเจ็บป่วยหรือเสียชีวิต ถ้าท่านเป็นคนวัยทำงาน ท่านจะเหมือนมีพี่น้องเพิ่มขึ้นอีกคน ช่วยดูแลพ่อแม่ของท่าน
พรรคก้าวไกลจะสร้างสวัสดิการไทยก้าวหน้าไปด้วยกันกับทุกท่าน เราจะเป็นเหมือนพ่อแม่ของท่าน พี่น้องของท่าน และเหมือนลูกหลานของท่าน ที่จะช่วยกันดูแลกันไปในทุกเรื่อง ตั้งแต่แรกเกิด เติบโต ทำงาน จนสูงวัยและวันที่ท่านจากโลกนี้ไป
นโยบายสวัสดิการก้าวหน้า “สูงวัย”
- เพิ่มเบี้ยยังชีพสำหรับผู้สูงอายุให้เป็นอัตราเดียวแบบถ้วนหน้า 3,000 บาท ต่อเดือน ภายในเวลา 4 ปี
- จัดให้มีกองทุนดูแลผู้สูงอายุและผู้พิการระยะยาว 9,000 บาทต่อเดือน รวมค่าอุปกรณ์และค่าจ้างคนดูแลผู้สูงอายุ (7,500 บาทต่อเดือน)
- เพิ่มเงินสนับสนุนผู้พิการ จาก 800-1,000 เป็น 3,000 บาทต่อเดือน
- เงินช่วยเหลือในการจัดการศพ 10,000 บาท จากระบบประกันสังคมแบบถ้วนหน้า ที่รัฐบาลจะร่วมสมทบให้กับประชาชนไทยทุกคน
วันเดียวกัน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ ถึงนโยบาย “สวัสดิการก้าวหน้า” ตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก “สวัสดิการก้าวหน้า” จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน
ท่านรู้สึกไหมว่า 4 ปีที่ผ่านมาภายใต้การบริหารของรัฐบาลเป็นปีที่คนไทยรู้สึกลำบาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง โควิด น้ำท่วม สังคมสูงวัย การแทนที่แรงงานด้วยหุ่นยนต์และการใช้ดิจิทัล ถ้าเป็นคนหาเช้ากินค่ำนี่คงไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สำหรับคนชั้นกลาง นี่คือช่วงเวลาที่เราเริ่มรู้สึกต้องแบกรับคุณพ่อ-แม่ที่สูงวัยและลูกๆ ที่กำลังเป็นเด็กเล็ก
ปี 2564 ที่ผ่านมาเป็นปีแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่มีคนตายมากกว่าคนเกิด เพราะฉะนั้นวิกฤตสังคมสูงวัยที่ประเทศไทยกำลังเจออยู่จะหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ และจากวิกฤตที่สังคมไทยเผชิญจะเข้ามากระทบกับทุกคนตั้งแต่เกิด เติบโต ทำงาน ไปจนถึงสูงวัย
เกิด - ต้นทุนการเกิดของเด็กแต่ละคนมันมากมายมหาศาลจนอัตราการเกิดของไทยน้อยลงเรื่อยๆ
เติบโต - เจอปัญหาตกหล่นจากการศึกษาและความเหลื่อมล้ำจากการศึกษาโดยเฉพาะในช่วง COVID 2 ปีที่ผ่านมา
วัยทำงาน - เจอปัญหาของแพงค่าแรงถูก แล้วกำลังจะเจอที่ดินแพงด้วย คนที่ตอนเช้าขายหมูปิ้ง ตอนเย็นขายข้าวแกง กลางคืนขับ Grab ทำงาน 3 งานยังดูแลครอบครัวในประเทศนี้ไม่ได้
คนสูงวัย - ทุกวันนี้ได้รับเบี้ยยังชีพเดือนละ 600 บาท หรือหารเฉลี่ยจบแล้วได้อาหารมื้อละ 7 บาทเท่ากับไข่ต้ม 1 ฟอง นี่คือระบบบำนาญที่ดูแลผู้สูงวัยในประเทศนี้
คนทุกอายุ - เจอปัญหาดิน น้ำ ลม ไฟ: ไม่มีบ้านอยู่ ปัญหาคุณภาพน้ำประปา อินเตอร์เน็ตที่คนยังเข้าไม่ถึงโดยเฉพาะเด็กที่ต้องเรียนออนไลน์ ค่าไฟแพงที่กำลังเกิดขึ้นทั่วประเทศไทย
นี่คือการที่เราเอากลุ่มคนทุกคนเป็นตัวตั้ง แล้วเราก็ดูความท้าทายในสิ่งที่พวกเขาเจอคืออะไร เราพยายามหาชุดคำตอบที่เป็นนโยบายให้กับสังคม ให้สมกับคำว่า “จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน” นโยบายทั้งแพคเกจ 650,000 ล้านบาท มีแหล่งที่มาของรายได้ ทำได้จริงแน่นอน