“ชลน่าน” ย้ำ “อุ๊งอิ๊ง” ท้องไม่เป็นปัญหา นั่งแคนดิเดตนายกฯ “เพื่อไทย”

เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2565 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และการเปิดตัวนโยบายพรรคว่า เราถือว่าตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.คือ 1 ใน 3 กลไกหลักที่จะพาพรรคเข้าสู่เป้าหมายแลนด์สไลด์ ซึ่งเราจะส่งครบ 400 เขต มีการกลไกการคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถ และทำงานกับพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง โดยเรามีกรรมการโซน 21 โซนทั่วประเทศ ทำหน้าที่คัดเลือก ส่งชื่อมาที่คณะกรรมการส่วนกลาง และเข้าสู่กระบวนการการทางกฎหมาย พร้อมรับฟังเสียงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้จะให้ความสำคัญกับโอกาสที่จะได้รับชัยชนะในเขตพื้นที่เป็นอันดับหนึ่ง หากโอกาสชนะระดับเขตน้อยก็จะพิจารณาเรื่องความจงรักภักดีกับพรรคเพื่อไทย จึงอาจจะมีความเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขณะนี้เปิดตัวไปคืบหน้ากว่า 60% คาดว่าจะทยอยเปิดตัวไปเรื่อย ๆ จนครบ 400 เขต ภายในเดือน พ.ย. 2565

นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องนโยบาย คือกลไกหลักที่ 2 ซึ่งจะตอบโจทย์ทุกมิติ โดยนโยบายที่เปิดตัวไปแล้วเป็นนโยบายเศรษฐกิจภาพใหญ่ และปัญหาปากท้อง จากนั้นจะเปิดตัวด้านสังคม และอื่นๆ ต่อไป นอกจากนี้ จะมีนโยบายพื้นฐานที่จะถูกปรับเป็นนโยบายหาเสียง ซึ่งจะปรับการใช้คำให้จดจำง่าย เข้าใจลึกซึ้ง และเป็นไปได้ พี่น้องประชาชนเห็นแล้วจะต้องว้าวและถูกใจ

เมื่อถามถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่านกล่าวว่า เรื่องแคนดิเดตนายกฯ จะเป็นกลไกที่ 3 อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาก่อนประกาศเปิดตัว และจะส่งครบทั้ง 3 รายชื่อ ซึ่งขณะนี้มีรายชื่อมากกว่า 3 คน จากนี้ต้องให้คณะกรรมการคัดเลือกจนได้ 3 คน 

เมื่อถามถึงกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ตั้งครรภ์ จะมีผลต่อการเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่น่าจะมีผลอะไร หากตัวคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ และครอบครัว น.ส.แพทองธาร ไม่คัดค้าน ก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะต้องยึดเสียงตอบรับจากพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ถ้าเสียงตอบรับและการสนับสนุนดี ก็อยู่ในกลไกการประกาศ ส่วนเรื่องการตั้งครรภ์นั้น คนท้องไม่ใช่คนป่วย สามารถทำหน้าที่รณรงค์และหาเสียงได้ตลอด เพราะยุคนี้เป็นยุคดิจิทัล ไม่ต้องใช้แรงเดินขึ้นเวที

เมื่อถามถึงกระแส ส.ส.ไหลออกจากพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีความชัดเจนตั้งแต่ต้นแล้วว่าใครจะไป และเตรียมการมาตลอด เหตุที่ยังให้อยู่ที่พรรคต่อนั้นเป็นวิธีการจัดการ และคิดว่าเป็นประโยชน์มากกว่า หากเขาจะไปเราก็ไม่กีดกัน ซึ่งมีจำนวนไม่มาก

เมื่อการถึงยื่นญัตติอภิปรายตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นเมื่อใด และมีประเด็นหลัก ๆ อะไรบ้าง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตอนแรกเราจะยื่นญัตติในช่วงวันที่ 14-15 พ.ย.นี้ แต่ว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านมาขอทบทวน เพราะที่ผ่านมาเราใช้แนวโน้มการยุบสภาหรือไม่ เป็นหมุดหมาย แต่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าน่าจะไม่ยุบสภาช่วงต้นเดือน ม.ค. พ.ศ.2566 จึงมีความเห็นว่าถ้าได้อภิปรายช่วงต้นเดือน ม.ค. 2566 ได้จะดีที่สุด ไม่เกินวันที่ 15 ม.ค. 2566