ผบ.ตร. ระบุ เหตุปะทะ ม็อบราษฎรหยุดเอเปค ตำรวจเจ็บ 15 สาหัส 1
ผบ.ตร. ระบุ เหตุปะทะ ม็อบราษฎรหยุดเอเปค ตำรวจเจ็บ 15 สาหัส 1 วอนสื่อเข้าใจการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และระวมัดระวังในการทำงาน
19 พ.ย.2565 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงพื้นที่ตรวจศูนย์สื่อมวลชนบริเวณชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมกล่าวถึงการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่การจัดงานเอเปค ว่าช่วงเที่ยงวันนี้จะเสร็จสิ้นภารกิจการประชุมของผู้นำ ขณะนี้ทุกอย่างยังถือว่าอยู่ในความเรียบร้อย
ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุม วานนี้(18พ.ย.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ระบุว่า ขั้นตอนการดำเนินการเป็นไปตามที่โฆษกตร.ได้ให้ข้อมูลไปแล้ว ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ประกาศทุกขั้นตอน ว่าการชุมนุมเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่สามารถชุมนุมได้ แต่การจะเคลื่อนที่นอกพื้นที่ชุมนุมต้องแจ้งการชุมนุม ซึ่ง บช.น. มีเงื่อนไข เพราะเกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยและเกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ของประเทศในช่วงที่ผู้นำเดินทางมา จึงไม่อยากให้ออกเดิน แต่กลับมีความพยายามที่จะออกเดินและเส้นทางที่ไปก็สุ่มเสี่ยง มุ่งตรงไปยังศูนย์สิริกิติ์ ตำรวจก็อาจมีการรั้งหน่วงในหลายจุดและเกิดเหตุการณ์ขึ้นมา ซึ่งเป็นไปตามที่โฆษกตร.ให้ข่าวไป และก็จะให้ บช.น.ตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกเรื่องต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า การข่าววันนี้พบว่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมอีกหรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มี ส่วนจะต้องมีการวางกำลังเพิ่มเติมหรือไม่ ตนมองว่าเป็นไปตามการข่าวและหน้างาน เพราะตาม พ.ร.บ.ชุมนุม จะต้องมีการแจ้งก่อนการชุมนุม 24 ชั่วโมง หากกะทันหันก็เป็นอำนาจของผู้การในพื้นที่ ที่จะพิจารณาและดูเงื่อนไขต่างๆประกอบ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งการชุมนุมที่เกี่ยวข้องในการประชุมเอเปค โดยขณะนี้ได้วางกำลังไว้ตามปกติ
ถามถึงกรณีที่วานนี้ในเหตุรุนแรงมีผู้ได้รับบาดเจ็บที่เบ้าตานั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า ขอไปตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง เพราะยังไม่ได้รับรายงานที่ชัดเจน ทั้งนี้ยังได้รับรายงานตำรวจบาดเจ็บ 15 นาย โดยมี 1 นายอาการสาหัสแอดมิดอยู่โรงพยาบาล ส่วนที่เหลือรับยากลับบ้านแล้ว ขณะที่ในส่วนผู้ชุมนุมมีบาดเจ็บอยู่บ้างแต่อย่างใดขอตรวจสอบอีกที
เมื่อถามถึงสื่อบางสำนักออกแถลงการณ์ประณาม เหตุถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายสื่อมวลชนที่สวมปลอกแขนนั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า เรื่องของสื่อมวลชนเราเคยมีการร้องต่อศาลแพ่ง โดยศาลได้ให้แนวทางจัดระเบียบกับสื่อมวลชน ซึ่งทุกอย่างต้องช่วยกันและต้องยอมรับว่าในช่วงหลังบางครั้ง เช่น บริเวณแยกดินแดงสื่อมวลชนจะเยอะกว่ากลุ่มผู้ชุมนุมด้วยซ้ำ จึงทำให้การจัดระเบียบค่อนข้างยาก และสื่อมวลชนก็พยายามที่จะอยู่บริเวณด้านหน้าของม็อบ ซึ่งทำให้การทำงานเป็นไปได้ยาก และก็ไม่มั่นใจว่าประเทศอื่นมีอย่างนี้ด้วยหรือไม่
พร้อมย้ำว่าหากมีการโต้ตอบของกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ สื่อมวลชนก็จะต้องช่วยตัวเองด้วย ต้องระมัดระวัง เพราะมันยากที่จะควบคุม พร้อมฝากให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วยเพราะเป็นสื่อมวลชนและยูทูปเบอร์ก็เยอะ ซึ่งไม่ได้อยู่ในแนวและไม่ได้แจ้ง พอมีเหตุการณ์สำคัญก็อาจจะผิดพลาดได้บ้าง ก็ต้องเป็นไปตามหน้างานว่าใครเป็นใครมีความผิดหรือไม่ก็ต้องไปตรวจสอบ
ถามว่าที่มีการเผยแพร่ภาพเจ้าหน้าที่ คฝ.ยั่วยุกลุ่มผู้ชุมนุมโดยทำหน้าทำตาล้อเลียนนั้น ผบ.ตร. ระบุว่า ตนยังไม่ได้เห็นภาพนั้น และหากเป็นจริงก็คงต้องกำชับการปฏิบัติในกรอบกฎหมายเป็นสัดส่วนและเป็นเหตุเป็นผล แต่ว่าบางทีหน้างานจริงอาจไม่ได้เป็นตามนั้น 100% ภาพทั้งหมดเราอาจจะไม่ได้เห็นในเหตุการณ์ก่อนหน้า ก็จะพยายามให้ บช.น.จัดทำไทม์ไลน์ขึ้นมา และตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง ส่วนกรณีผู้ชุมนุมที่ถูกคุมตัวอยู่ที่ สน.ทุ่งสองห้องนั้นตนได้รับรายงานได้รับการประกันตัวไปเมื่อคืนเกือบทั้งหมด เหลือเพียงแกนนำบางส่วนเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าจะต้องมีมาตรการสแกนอาวุธก่อนเข้าพื้นที่ชุมนุมหรือไม่นั้น ผบ.ตร. ย้ำว่า เรามีมาตรการอยู่แล้ว แต่บางทีการชุมนมที่ติดต่อกันหลายวัน การสแกนอาจจะไม่ได้ 100% แต่ส่วนใหญ่จะมีจุดคัดกรองเท่าที่ทำได้เพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน ซึ่งเราก็เคยเจอหลายครั้ง เช่น หัวน๊อต
ถามว่า ได้ตรวจสอบกรณีโซเชียล มีการเผยว่าจะมีการใช้โดนเพื่อวางระเบิดที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผบ.ตร. กล่าวว่าเจ้าหน้าที่เตรียมการอยู่แล้ว ก่อนที่โซเชียล โดยร่วมมือระหว่างทหารกับตำรวจ ซึ่งเรามีความรับผิดชอบชัดเจน ทุกอย่างเป็นไปตามมาตรฐานการดูแลผู้นำ ทั้งเรื่องวัตถุระเบิดและเรื่องโดรน พร้อมให้ความมั่นใจว่าจะไม่ให้เกิดเหตุ นอกจากนี้ยังมีชุดสายตรวจเคลื่อนที่เร็ว
ถามด้วยว่า ตลอด 4 วันที่ผ่านมามีการประเมินการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างไร พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ บอกว่าพอใจเพราะเป็นงานใหญ่ที่นานๆจะจัดทีนึง ถ้าหากไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงก่อความไม่สงบเราก็ถือว่า สามารถผ่านไปลุล่วงด้วยดี ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในอนุกรรมการรักษาความปลอดภัยและการจราจร ซึ่งภาพรวมขนาดนี้ยังไม่มีความเสียหายอะไรต่อผู้นำ ส่วนจะให้มองว่าเราสามารถควบคุมทุกอย่างได้ดีหรือไม่ก็คงต้องให้คนอื่นประเมินด้วย