“จุรินทร์” มั่นใจศก.ชายแดนใต้พุ่ง แรงหนุกวาด12ส.ส. ลุ้นนายกฯปรับครม.
“จุรินทร์” มั่นใจนำเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนใต้พุ่ง ปัจจัยหนุนปชป.กวาดส.ส. ทั้ง 12 เขต เมินพลังดูด พร้อมเผยลุ้นนายกฯปรับครม.
อ.สุไหง-โกลก จ.นราธิวาส นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปด่านตากใบ จ.นราธิวาส เพื่อติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน ถึงการเปิดตัวผู้สมัครใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ของพรรคว่า สำหรับจังหวัดชายแดนใต้ 12 ที่นั่ง ประชาธิปัตย์มีผู้สมัครครบและได้ประกาศตัวชัดเจนแล้วว่า เราสู้ทุกเขต ทั้ง 12 เขตเลือกตั้ง ซึ่งเรามีที่มาที่ไปไม่ใช่อยากประกาศอะไรก็ประกาศ ที่ผ่านมาในปี 2548 ยุคท่านบัญญัติ เป็นหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์เราเคยได้ 11 จาก 12 ที่นั่ง
เพราะฉะนั้นรากฐานความเป็นไปได้นั้นมันมี ไม่ใช่ไม่มี และตนมั่นใจว่า เที่ยวนี้เราเห็นจิตวิญญาณประชาธิปัตย์กลับคืนมาสำหรับสมาชิกและผู้สนับสนุนพรรคทุกคนมีปฏิกิริยาดีขึ้นมาก เสียงตอบรับดีมาก จึงเป็นที่มาที่ตน นายนิพนธ์ บุญญามณี รวมถึงเลขาธิการพรรคได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ว่า เราพร้อมสู้ทุกเขต
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงเรื่องนโยบายสำหรับจังหวัดชายแดนใต้นั้น พรรคเห็นว่าปัญหาความมั่นคงเป็นเรื่องที่เราทิ้งไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนา เพราะเรื่องนี้เป็นหัวใจที่พี่น้องประชาชนประสบอยู่ และพี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องการเห็น ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน หรือเรื่องเศรษฐกิจปากท้องของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเรามีช่องทางที่จะทำให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งเสริมด้านการเกษตร ยาง ปาล์ม ผลไม้ หรือในเรื่องของปศุสัตว์ การประมง รวมทั้งการที่จะทำให้จังหวัดชายแดนใต้เป็นแหล่งความมั่นคงด้านอาหารให้กับประเทศ เลยไปถึงความมั่นคงด้านอาหารให้กับโลกได้ด้วย เพราะไม่ว่าจะเป็นพุทธ หรือมุสลิม ก็สามารถผลิตอาหารที่มีคุณภาพป้อนประเทศ ป้อนโลกได้ ซึ่งเราก็มีตลาดรองรับแล้ว จากการที่ตนได้ไปเปิดเตรียมไว้แล้ว อย่างซาอุดิอาระเบีย ตลาดตะวันออกกลาง ตลาดจีน และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
ส่วนความมุ่งหวังในพื้นที่ชายแดนภาคใต้นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า คราวที่แล้วเราได้ที่เดียว เพราะฉะนั้นเราสู้ทุกเขต เชื่อว่าเราก็ได้ไม่น้อยหรอก ขอให้รอดูผลที่จะออกมา ซึ่งจากศักยภาพผู้สมัครและการลงพื้นที่ หลายท่านได้ลงพื้นที่ในนามพรรคมาแล้วระยะหนึ่ง อย่างคุณเมธี อรุณ ลาบานูน ก็เป็นความหวังของเรา และเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ ใครที่บอกว่าประชาธิปัตย์ไม่มีคนใหม่ นี่ก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคนหนึ่ง รวมทั้ง ดร.ยูนัยดี วาบา และยังมีคนอื่นๆ ที่เป็นผู้สมัครที่มีศักยภาพก็มาลงสมัครรับเลือกตั้งเที่ยวนี้ในนามพรรคประชาธิปัตย์
ส่วนที่ถามถึงความกังวลในเรื่องพลังดูดจากพรรคอื่นนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าพรรคที่ตั้งขึ้นมาเพื่อที่ดูดผู้แทนจากพรรคอื่นจะสำเร็จ ในอดีตก็ล้มเหลวให้เห็นมาเยอะแล้ว
สำหรับความคืบหน้าเรื่องการเสนอชื่อรัฐมนตรีของพรรคสำหรับการปรับ ครม. นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนได้ส่งชื่อบุคคลที่จะมาแทนท่านนิพนธ์ บุญญามณี ซึ่งก็คือนายนริศ ขำนุรักษ์ ไปหลายสัปดาห์แล้ว และตนก็เห็นใจว่า นายกฯ คงยุ่งอยู่กับ เอเปก แต่เมื่อ เอเปกจบแล้ว ก็เห็นว่าสมควรแก่เวลาที่ท่านนายกฯ จะได้ช่วยดำเนินการได้ เพราะคนอื่นดำเนินการไม่ได้ ตนจะดำเนินการเองก็ไม่ได้ พรรคประชาธิปัตย์ทำเองก็ไม่ได้ มันต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์ กติกา ท่านนายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลเท่านั้นที่จะนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ดำเนินการตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงผลโพลที่ออกมาดีหลังจากการทำงานหนักในช่วงการประชุมเอเปกที่ทำให้เกิดผลดีต่อประเทศ ว่า ช่วยให้มีกำลังใจในการทำงานขึ้น อย่างน้อยที่สุดผลโพลได้สะท้อนให้เห็นว่า สิ่งที่ตนทำไปนั้นประชาชนเฝ้าดูอยู่ และรับทราบ
“ความจริงความสำเร็จของเอเปค ก็ไม่ได้อยู่ที่ผมคนเดียว แต่ท่านนายกฯ ก็มีบทบาทสำคัญ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ภาคเอกชน เพื่อนข้าราชการทั้งหมด ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งก็ต้องถือโอกาสนี้ขอบคุณด้วย ผมก็เป็นฟันเฟืองตัวหนึ่ง เพราะเอเปค เราเริ่มต้นตั้งแต่การที่ผมทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจการค้า เอเปค เมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้มาก่อน ซึ่งวงเอเปคไม่ได้มีวงเดียว แต่มีวงรัฐมนตรีเศรษฐกิจการค้า และวงซัมมิท ระดับผู้นำ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เพราะทำให้เรามีฉันทามติในเรื่องการขับเคลื่อนเอเปค ให้กลายเป็น FTA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจะมีส่วนช่วยสมาชิกทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจ รวมทั้งประเทศไทยด้วย” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว