กลยุทธ์ห้ามเลือด “พปชร.” เบาไปหาหนัก จับมัดบ้านใหญ่
เห็นบ้านใหญ่บางแห่ง เจอโซ่ตรวนตรึงเข้าให้เรียบร้อย และบ้านใหญ่บางแห่งที่ทำท่าจะตาม "สุชาติ" ไป ก็กำลังหนาวๆ ร้อนๆ อยู่เช่นเดียวกัน แต่กับบางบ้านก็ไม่แยแสอะไรอีกแล้ว
ปลดล็อกไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ประกาศลุยต่อ พร้อมร่วมงานทางการเมืองสู้ศึกเลือกตั้งกับพรรค และจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงคนเดียว
ทำเอาบรรดานักเลือกตั้งที่รอสัญญาณความชัดเจนจาก ป.ประยุทธ์ ดี๊ด๊า โดยเฉพาะคนที่สังกัดพรรคอื่นๆ ก็เตรียมเข้าเกียร์เดินหน้า เบนเข็มสู่รวมไทยสร้างชาติกันเป็นแถว หลังอึดอัดมานานเพราะจะเดินหน้าก็ไม่เต็มร้อย จะถอยก็ไม่ได้
เมื่อมีคนไหลเข้า ก็ต้องมีพรรคที่คนไหลออก “พลังประชารัฐ” เป็นหนึ่งในนั้น โดยก่อนหน้านี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ก็รั้งลูกพรรคอย่างสุดฤทธิ์
ป.ป้อม โทรกล่อมคนที่ทำท่าจะย้ายไปพรรคอื่นด้วยตัวเอง หรือบางครั้งก็ให้ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ช่วยโทรอีกแรง โดยคนบ้านใหญ่ นับเป็นเป้าหมายที่จะปล่อยให้หลุดลอยจากอ้อมอกไปไม่ได้ หลายบ้านเลยโดนล็อบบี้อย่างหนัก ตั้งแต่เบาไปหาหนัก
เริ่มจากการพูดจาโน้มน้าวไปตามเรื่องตามราว หากยังไม่ได้ผล ก็จะเพิ่มระดับ การันตีให้ความมั่นใจ ว่าถึงอย่างไรหลังเลือกตั้ง พลังประชารัฐ ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน แถมบิ๊กบางคนในพลังประชารัฐ ออกปากเกทับ ป.ประยุทธ์ ว่าขายไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ
หากการพูดคุยกันดีๆ ให้ความมั่นใจต่างๆ นานา แล้วยังไม่เป็นผล ว่ากันว่า กระสุนดินดำจะถูกนำขึ้นมาใช้ล่อตาล่อใจ เพื่อรั้งให้อยู่หมัด จะได้ไม่ต้องถึงขั้นงัดไม้แข็ง เช่น เอาเรื่องที่เป็นชนักติดหลังมาเป็นไม้ตายในการต่อรอง ซึ่งถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง
ก่อนหน้านี้ ก็จะได้เห็นบ้านใหญ่บางแห่ง เจอโซ่ตรวนตรึงเข้าให้เรียบร้อย และบ้านใหญ่บางแห่งที่ทำท่าจะตาม สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ไป ก็กำลังหนาวๆ ร้อนๆ อยู่เช่นเดียวกัน แต่กับบางบ้านก็ไม่แยแสอะไรอีกแล้ว
ในวันที่ความสัมพันธ์ 2 ป. แปรเปลี่ยน การขับเคี่ยวทางการเมืองระหว่างกัน จึงเข้มข้น ถึงลูกถึงคน และอาจได้เห็นฉากรบชนิดตาต่อตา ฟันต่อฟัน กันเลยทีเดียว