ผบ.ทสส. นำ ผบ.เหล่าทัพ ยืนไว้อาลัย กำลังพล เสียชีวิตเรือหลวงสุโขทัยอับปาง

ผบ.ทสส. นำ ผบ.เหล่าทัพ ยืนไว้อาลัย กำลังพล เสียชีวิตเรือหลวงสุโขทัยอับปาง

ผบ.ทสส. นำ เหล่าทัพ ยืนไว้อาลัย กำลังพลเสียชีวิต เรือหลวงสุโขทัยอับปาง พร้อมคารวะทำหน้าที่เข้มแข็ง สามัคคี รักษาเรือ เต็มกำลังความสามารถ ด้าน ผบ.ทร. เผยพบ 2 ร่างผู้สูญหาย เดินหน้าสอบสวน - กู้เรือ-กำจัดคราบน้ำมัน

27 ธ.ค.2565 ที่กองบัญชาการกองทัพบก
พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยมี พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ผู้พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทอ.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ เข้าร่วมประชุม 

จากนั้น พล.อ.เฉลิมพล  กล่าวชื่นชม การปฏิบัติงานของกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย เนื่องจากสภาพที่เกิด สิ่งสำคัญคือการแสดงถึงกำลังพลในเรือหลวงสุโขทัยที่พยายามดูแลรักษายุทโธปกรณ์หลัก ที่มีความสำคัญอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยเชื่อมั่นว่าอยู่ในขีดความสามารถที่จะแก้ไขอุบัติการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับเรือหลวงสุโขทัยได้ จนถึงเวลาสภาพลมฟ้าอากาศมีความรุนแรงต่อเนื่องจนเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุกับเรือ ตามที่ประชาชนและสื่อได้เห็นและได้รับทราบการดำเนินการของกำลังพลที่มีความเข้มแข็ง มีความสามารถที่พยายามช่วยเหลือคนอื่นๆอย่างเต็มกำลังความสามารถ บางส่วนก็ทำให้เกิดการสูญเสียกับกำลังพลซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ได้แก้ไขปัญหาและค้นหาผู้สูญหายมาโดยตลอดปัจจุบันเหลืออีก 10 นายซึ่งเราก็จะดำเนินการต่อไป 

"ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็เป็นความเสียใจอย่างที่สุดกับกองทัพเรือและครอบครัวของกำลังพลผู้สูญเสีย ขณะเดียวกันในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็นำมาซึ่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความสมัครสมานสามัคคีของกำลังพลที่จะร่วมดำเนินการเพื่อให้เหตุการณ์ดังกล่าว คลี่คลาย และดูแลครอบครัวและการดำเนินการต่างๆของกองทัพเรือในต่อไป
เราก็เตรียมสนับสนุนการดำเนินการต่างๆขอแสดงความคารวะกำลังพลของเรือหลวงสุโขทัย ที่ได้เสียชีวิตในการปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ นอกจากนี้ก่อนการประชุม ผบ.เหล่มทัพ ผมได้เชิญผู้เข้าร่วมประชุมได้ยืนไว้อาลัย กำลังพลเรือหลวงสุโขทัยที่เสียชีวิตด้วย"

ด้าน พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันนี้ตนในนามกองทัพเรือได้ขอบคุณผบสูงสุดผบ. ทบผบ. ทอและสตชที่ทุกหน่วยงานได้กรุณาสนับสนุนกองทัพเรือในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงส่งผู้แทนไปเยี่ยมครอบครัวกำลังพลที่บาดเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาลและการสนับสนุนเครื่องบินอากาศยานในการเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิต ไปประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ กองทัพเรือขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่มาร่วมในการดำเนินการครั้งนี้

และในวันนี้เราได้พบผู้สูญหายเพิ่มอีก 2 นาย ในเวลา 09.30น.และ เวลา 10.15 น. มีเรือประมงได้พบผู้สูญหาย ที่จังหวัดชุมพรก็ได้มีการส่งเรือไปรับร่างผู้เสียชีวิต พร้อมนำร่างผู้เสียชีวิตไปพิสูจน์อัตลักษณ์ต่อไป

อีกทั้งเฮลิคอปเตอร์ได้ตรวจพบร่างผู้เสียชีวิตสวมเครื่องแต่งกายลายพรางคาดว่าน่าจะเป็นผู้สูญหายอีก 1 ราย วันนี้ก็กำลังลำเลียงร่างไปพิสูจน์อัตลักษณ์ต่อไป ขณะนี้มีผู้สูญหายที่ยังหาไม่พบอีก 8 นาย กองทัพเรือจะพยายามค้นหาต่อไปส่วนในวันพรุ่งนี้ (28 ธ.ค.)จะนำร่างผู้เสียชีวิตที่มีการพิสูจน์อัตลักษณ์แล้วจากประจวบคีรีขันธ์กลับสัตหีบ และจะมีการประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ สวดพระอภิธรรมต่อไป 

เมื่อถามถึงการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรือหลวงสุโขทับอับปาง พล.ร.อ.เชิงชาย ระบุว่า คณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นมาสอบสวนเพื่อตรวจสอบหาเหตุว่าเรือสุโขทัยอับปางและจมลงในทะเลเนื่องจากน้ำเข้าเรือ จนกำลังพลไม่สามารถรักษาเรือไว้ได้

ในส่วนที่ 2 ตรวจสอบขั้นตอนการปฏิบัติภายหลังจากที่เรือจมไปแล้ว การปฏิบัติของกำลังพลของเรือหลวงสุโขทัยการช่วยเหลือต่างๆ และขั้นตอนการดำเนินการตั้งแต่เรือจมว่าปฏิบัติตามขั้นตอนถูกต้องหรือไม่ ซึ่งคิดว่าการสอบสวนได้เริ่มดำเนินการไปแล้วจะมีการสรุปผลและนำเรียนผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการกู้เรือ เนื่องจากมีคราบน้ำมันไหลออกมาว่ พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า  ในส่วนพื้นที่ที่เรือจมในวันดังกล่าวมีเรือจ่ม 3 ลำเรือสินค้า และ เรือหลวงสุโขทัย

ทั้ง 3 พื้นที่มีการประกาศเป็นพื้นที่เป็นเขตภัยพิบัติ รอการสนับสนุนเพื่อไม่ให้ ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าว ในส่วนน้ำมันที่อยู่ในเรือในกรณีของเรือสุโขทัยคาดว่ามีน้ำมันอยู่จำนวนหนึ่ง รั่วไหลออกมา ก็ได้วางแผนเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและนำน้ำมันดังกล่าวขึ้นมา