“ปิยบุตร” ดักคอ “รทสช.-ประยุทธ์” อย่าพึ่ง ส.ว.เพื่อไปต่อ ชี้ไร้ความชอบธรรม
“ปิยบุตร” ดักคอ รทสช.อย่าหวังพึ่งอิทธิฤทธิ์ ส.ว.รวมเสียง ดัน “ประยุทธ์” นั่งนายกฯต่อ ความชอบธรรมไม่เหลือแล้ว ประชาชนมองออก เชื่อคนออกมาต้านเยอะมาก เปิดทางทหารออกมาอีกรอบ
เมื่อวันที่ 2 ม.ค.2566 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้รัฐธรรมนูญในอนาคต ว่า จะเอาแต่ใจไม่ได้ กติกาของคนส่วนใหญ่ ไม่ใช่คิดเพื่อที่จะกวาดล้าง ล้างแค้นเอาคืน หรือที่คิดว่าตัวเองจะชนะตลอดกาล แต่ทุกวันนี้ออกแบบรัฐธรรมนูญกินรวบทั้งกระดาน แต่พอเลือกตั้งแล้วแพ้คุณก็เปลี่ยนกติกาอีก กลายเป็นรัฐธรรมนูญปะผุ เปลี่ยนตามผู้มีอำนาจ วันนี้รัฐธรรมนูญไทยจึงไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ ยึดอำนาจทีก็เปลี่ยนที เพื่อให้ตัวเองได้อยู่ในอำนาจต่อไปเรื่อย ๆ
เมื่อถามว่า กังวลเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราเกี่ยวกับการห้ามดำรงตำแหน่งวาระ 8 ปี ของคนเป็นนายกฯหรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า เรื่องนี้จบแล้วที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตนคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องของตัวเลข 8 ปี โดยสภาพการณ์คาดว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ไม่ได้เป็นพรรคอันดับ 1-3 อยู่แล้ว เขาคงหวังว่าจะต้องได้ 25 เสียง เพื่อเสนอชื่อนายกฯ งวดนี้ถ้าใช้โมเดล รทสช. เอาให้ถึง 25 เสียง เพื่อให้เสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ตนคิดว่าคนจะออกมาต่อต้านเยอะมาก หากรวมไม่ถึง 250 เสียง คุณก็จะดีดนิ้วให้ 250 ส.ว.แสดงฤทธิ์เดชอีก เสียงไม่ติดท็อป แต่อยากจะจัดตั้งรัฐบาล อยากเป็นนายกฯ หรือใช้ ส.ว.มาเติมพลังให้ มันจะนำมาซึ่งวิกฤตการณ์ทางการเมืองรอบใหม่
“เชื่อว่าคนไทยไม่น่าจะทนอีกรอบหนึ่ง แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์มาด้วยเสียงถล่มทลาย อย่างน้อยก็ยังมีสิ่งรอบรับ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ใช้กลเม็ดเด็ดพรายแบบนี้อีก ความชอบธรรมมันก็ไม่เหลือแล้ว งวดที่แล้วคุณยังอธิบายได้ ยังมีประชาชนบางกลุ่มไปเชื่อคุณว่าต้องให้เป็นอีกรอบหนึ่ง ยังมีส.ว.มาช่วย เสียงมันยังปริ่มน้ำ ยังอธิบายแถไถไปได้ แต่รอบนี้ถ้าได้ 25 เป๊ะ หรือ 30 ที่นั่งแล้วจะขอเป็นนายกฯอีก ความชอบธรรมมันไม่เหลือเลย” นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า ได้แต่หวังว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมองตรงนี้ออก แล้วหาทางลงด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมาลงอะไรเลยในรอบนี้ เอาตัวเองออกจากเงื่อนไข อย่าเอาตัวเองเข้ามาเป็นชนวนของความขัดแย้งชุดใหม่ที่จะเกิดหลังการเลือกตั้ง ไม่อยากคาดเดาว่าถ้าเขายังดึงดันจะใช้แบบนี้ต่อไป แล้วเกิดการชุมนุม ขัดแย้งและสลายการชุมนุมกันอีก ทหารจะออกมาหรือไม่ ประเทศไทยก็จะยิ่งไปกันใหญ่ ไม่อยากจะใช้คำว่าเป็นนักการเมืองต้องรู้จักพอ ศิลปะของคนที่ขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศได้ ตอนขึ้นก็ว่ายากแล้ว แต่ตอนลงยิ่งยากกว่า มันต้องรู้จังหวะว่ามันถึงเวลาพอ ดีกว่าโดนคนขับไล่ ดีกว่าไม่รู้ว่าชีวิตนี้ไม่รู้จะเดินบนถนนอย่างไร ถึงเวลามันน่าจะพอได้แล้ว พอเพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นชนวนความขัดแย้งรอบใหม่
เมื่อถามว่ามองความสัมพันธ์ของ 3 ป.อย่างไร โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แตกคอกันจริงไหม นายปิยบุตร กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากสไตล์การทำงาน มีความขัดแย้งกันเรื่องบริหารอำนาจทางการเมือง ภายใต้การเลือกตั้ง แต่ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลความเป็นพี่น้องนั้นตัดกันไม่ขาด ส่วนในอนาคตใครจะอยู่กับใคร เขาจะดูที่ผลการเลือกตั้งเป็นหลัก