"พปชร." เปิดนโยบาย "บัตรประชารัฐ" 700 บ. "ประวิตร" ประกาศพร้อมนั่ง "นายกฯ"
"ประวิตร" เปิดนโยบาย สู้ศึกเลือกตั้ง ท็อปอัพเงินใน "บัตรประชารัฐ" 700 ต่อเดือน ประกาศพร้อมเป็นนายกฯ คนที่ 30 พร้อมจับมือทุกฝ่ายก้าวข้ามความขัดแย้ง "วิรัช" ลั่น หลังเลือกตั้ง ได้ทันที
ที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. นำแถลงเปิดนโยบายของพรรคเพื่อใช้หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยมีแกนนำระดับรัฐมนตรีของพรรค ได้แก่ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรมและรองหัวหน้าพรรค น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม นอกจากนั้น กรรมการบริหารพรรค อาทิ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค รวมถึง ส.ส. และ ผู้สมัคร ส.ส. เข้าร่วมอย่างคึกคัก
โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวเปิดนโยบายแรกของพรรค คือ เพิ่มเงินในบัตรประชารัฐ เพื่อใช้หาเสียงเลือกตั้ง ว่า จากการที่พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลและบริหารประเทศมาเกือบ 4 ปี ด้วยอุดมการณ์และนโยบายของพรรคที่ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สร้างความสามัคคีปรองดองของคนในชาติเป็นประชาธิปไตยที่มีเสถียรภาพไร้ความขัดแย้ง สังคมสงบสุข ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและในช่วงที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้ขับเคลื่อนนโยบายของพรรค และมีผลงานที่เป็นรูปธรรม ได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชน ทั้งในทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะการแก้ไขความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำตามนโยบายของพรรค ในเรื่องการสร้างสวัสดิการประชารัฐ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การบริหารจัดการน้ำ การจัดที่ดินทำกิน การปราบปรามการค้ามนุษย์ อุตสาหกรรมประมงและอื่นๆ ที่มากมาย
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ความหวังของคนไทย ที่รอคอยให้คนที่มีความพร้อมเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับคนไทยคือ สังคมไทยยังคงมีความแตกแยกทางความคิด
"ขอยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมสานสัมพันธ์กับทุกฝ่าย เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง เดินหน้าสร้างพลังแห่งความปรองดองและสามัคคี โดยเราพร้อมร่วมมือกับทุกฝ่ายหาทางออกร่วมกัน เพื่อนำพาประเทศไทยไปสู่เป้าหมายที่ดีที่สุดสำหรับคนไทยทุกคนโดยประเทศไทยของเราต้องมีแต่ความสงบสุข" พล.อ.ประวิตร กล่าว
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะมาถึง ตนขอนำเสนอบุคลากรของพรรคที่มีคุณภาพและเข้าใจปัญหาของพี่น้องประชาชนได้อย่างถ่องแท้ เพราะเราเข้าใจว่าในความต้องการของแต่ละพื้นที่ และพร้อมอาสาเข้ามาเป็นผู้แทนในการแก้ปัญหา เพื่อพัฒนาประเทศให้เกิดความยั่งยืน โดยทางพรรคพร้อมสานต่อนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ที่ได้ทำไว้ และริเริ่มนโยบายใหม่ๆ ให้คนไทยได้เห็นถึงความมุ่งมั่นของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะตอบสนองและแก้ไข ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทุกพื้นที่ทุกเพศทุกวัย ด้วยคำว่า พลังสามัคคีประชามีสุข รัฐพลิกโฉมบริการ
พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า พรรคพร้อมเดินหน้าการจัดทำนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน ให้กับประชาชน และพร้อมเริ่มมีผลทันทีหลังจากที่พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ในส่วนงบประมาณที่จะนำมาใช้เพื่อเพิ่มวงเงินในบัตรประชารัฐ จะนำมาจากงบประมาณในช่วง 3 เดือนสุดท้าย ของงบประมาณปี 66 หลังจากได้รับเลือกตั้ง ทั้งนี้ หากมีผู้ได้รับสิทธิ์ ประมาณ 18 ล้านคน คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณเดือนละ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือ ปีละ1.5 แสนล้านบาท
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐ ได้ดูแลช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยไม่เกิน 1 แสนบาท เป็นเงิน 200-300 บาท/เดือน ด้วยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ยังไม่ครอบคลุมค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน ทำให้พรรคได้มีการประเมิน จากการลงพื้นที่ ของส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร พบว่าเงินที่ช่วยเหลือดังกล่าวยังไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบัน เพราะในแต่ละพื้นที่มีสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่แตกต่างกัน ดังนั้น เสียงสะท้อนจากผู้ได้รับสิทธิว่า ที่นำไปใช้จ่ายในครัวเรือน โดยเฉพาะในการซื้อเครื่องอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น ทำให้ประเมินว่าควรมีการเพิ่มเงินช่วยเหลือ อีกประมาณ 500 บาท ทำให้พี่น้องประชาชน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแม้ว่าเงินที่ได้รับอาจจะไม่เพียงพอ ที่จะนำไปแก้ไขปัญหาได้ครอบคลุมในทุกด้าน สอดรับกับการจัดสรรงบประมาณที่ช่วยเหลือประชาชนเพิ่มขึ้น
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สำหรับหลักเกณฑ์การคัดเลือกและคุณสมบัติผู้รับสิทธิยังคงยึดกรอบเดิมเป็นหลัก คือ รายได้ไม่เกิน 1 แสนบาท และนำคนที่เคยได้รับสิทธิตามบัตรมาพิจารณา โดยจะเริ่มจากเดือนละ 700 บาท ทันทีหลังจากที่พรรคได้รับความไว้วางใจ จากพี่น้องประชาชนให้เข้าไปบริหารประเทศ และจะมีการประเมินหลังจากได้ดำเนินการปีแรก ทั้งประโยชน์ของผู้ที่ได้รับบัตรสวัสดิการ และการดูแลประชาชนในนโยบายด้านอื่นๆ ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังแถลงนโยบายเสร็จ พล.อ.ประวิตร ได้แสดงทำมือเป็นสัญลักษณ์เลข 7 จากนั้น พล.อ.ประวิตร และรัฐมนตรีของพรรค ผู้บริหารของพรรค ได้ถ่ายภาพร่วมกันโดยร่วมกันแสดงสัญลักษณ์มือเป็นเลข 7 เพื่อสื่อถึงนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาท
จากนั้น พล.อ.ประวิตร และผู้บริหารพรรค ได้ร่วมกันเปิดที่มาของนโยบาย โดยนายสันติ กล่าวว่า พปชร.ได้ดำเนินการในเรื่องนโยบายบัตรประชารัฐมาเกือบ 4 ปีแล้ว เป็นบัตรช่วยเหลือประชาชนในระดับฐานราก กลุ่มเปราะบาง มีผู้ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจากบัตรประชารัฐ14.6 ล้านคน หลังจากนั้นผู้ที่ได้รับบัตรประชารัฐมีความกินดีอยู่ดีจนถึงปัจจุบันนี้ อย่างไรก็ดีหัวหน้าพรรค พปชร.เห็นว่า เงิน 200-300 บาท ที่ให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบาง และผู้มีรายได้น้อยนั้นน้อยเกินไป จึงดำริว่านโยบายของ พปชร.อันดับแรกที่จะเปิดต่อสื่อมวลชนและประชาชนคือ นโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาท โดย พปชร.จะทำทันทีเมื่อ พปชร.เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล และ พล.อ.ประวิตรได้เป็นนายกฯคนที่ 30
นายสันติ กล่าวว่า นโยบายดังกล่าวจะเป็นนโยบายที่ช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่ให้เกิดความเสมอภาคและเพิ่มการแข่งขัน ช่วยเหลือเยียวยาให้ปลอดจากความลำบากระดับหนึ่ง และหลังจากนี้จะมีนโยบายสำคัญที่ดูแลประชาชน พัฒนาบ้านเมือง เพิ่มศักยภาพแข่งขันออกมาต่อไป
ขณะที่นายวิรัช กล่าวว่า คำขวัญของ พปชร.คือ ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่ เริ่มต้นคือการเพิ่มเงิน 700 บาท ซึ่ง พปชร.จะสานต่อนโยบายเดิม นโยบายนี้เวลาไปพื้นที่ประชาชนมักจะถามว่าได้เมื่อไหร่ เรายืนยันว่าหลังเลือกตั้ง พ.ค. แล้ว จากนั้น มิ.ย.ท่านจะได้ใช้เลยทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม นโยบายยังไม่หมด เราจะเปิดไปเรื่อยๆ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามได้สอบถาม พล.อ.ประวิตรว่า พล.อ.ประวิตร พร้อมที่จะเป็นนายกฯ คนที่ 30 หรือไม่ โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ก็เลือกมาดิ ถ้าเลือกได้ก็เป็น ถ้าประชาชนเลือกได้ให้ผมเป็นผมก็เป็น" ทันทีที่สิ้นคำตอบบรรดาแกนนำพรรคต่างส่งเสียงเฮกันดังลั่นห้อง
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า พร้อมจับมือกับทุกพรรคการเมืองใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราก้าวข้ามความขัดแย้ง ตนไม่ได้บอกว่า ตนจะจับมือกับใครเลย ทุกพรรคเรามาคุยกันได้ เปิดโอกาสให้คุยกันได้