ออกหมายจับ “ทอม เครือโสภณ” ไม่มาฟังคำพิพากษาคดีหมิ่น “สนธิ ลิ้มทองกุล”
ศาลอาญาออกหมายจับ “ทอม เครือโสภณ” นักธุรกิจดัง หลังไม่มาฟังคำพิพากษาคดีหมิ่นประมาท “สนธิ ลิ้มทองกุล” ปมโพสต์เฟซบุ๊กกล่าวหา “ทักษิณ” เคยเอื้อประโยชน์เป็นความเท็จ นัดอีกครั้ง 30 มี.ค.66
เมื่อวันที่ 17 ก.พ.2566 ที่ห้องพิจารณาคดี 905 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.2170/2563 ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายจุลภาค หรือ “ทอม เครือโสภณ” นักธุรกิจชื่อดัง ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เรียกค่าเสียหาย จำนวน 5 ล้านบาท
คดีนี้โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 21 ส.ค.2563 ระบุพฤติการณ์สรุปว่า จำเลยเป็นเจ้าของเฟซบุ๊ก ที่ชื่อ Tom Julpas Kruesopon ที่เปิดเป็นสาธารณะ ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้ติดตามเฟซบุ๊กของจำเลยสามารถมองเห็นรับรู้และเข้ามาแสดงความคิดเห็นได้ โดยเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2563 จำเลยใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สาม โดยแพร่ภาพและคลิปผ่านเฟซบุ๊กพาดพิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล กรณีแตกหักกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง เป็นข้อความเท็จทั้งสิ้น เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ทำให้ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง
ดังนั้นการที่จำเลยแพร่ภาพสดและวีดีโอ ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจได้ว่า การที่โจทก์ออกมาต่อต้าน“นายทักษิณ ชินวัตร”ในช่วงปี 2548-2552 เกิดจากการไม่ได้รับส่วนแบ่ง หรือไม่ได้รับผลตอบแทนตามสัญญาจากนายทักษิณ ชินวัตร และทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นคนปลดหนี้เป็นพัน ๆ ล้านบาท ทั้งที่ความจริงแล้ว โจทก์ไม่เคยมีสัญญาหรือมีข้อตกลงว่าจะต้องได้รับผลประโยชน์ตอบแทน และในขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีก็ไม่เคยมี License (ใบอนุญาต) ทีวีออกมาแต่อย่างใด เหตุเกิดที่แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม. โดยศาลได้ไต่สวนมูลฟ้องและประทับรับฟ้องคดีไว้เพื่อมีคำพิพากษา
ทั้งนี้ในระหว่างการสืบพยาน “ทอม เครือโสภณ” จำเลยได้แถลงต่อศาล ยอมรับสารภาพ และขอเจรจาไกล่เกลี่ย โจทก์จึงขอให้จำเลยลงข้อความขอโทษลงในเฟซบุ๊กดังกล่าวเป็นเวลา 7 วัน และทำข้อตกลงให้ชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ จำนวน 3 แสนบาท ปรากฏว่าจำเลยไม่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงได้ โดยยังไม่ลงข้อความขอโทษลงในเฟซบุ๊ก จึงขอให้ศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้
น.ส.อัจฉรา แสงขาว ทนายความนายสนธิ โจทก์มาศาล ส่วนจำเลย ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา เมื่อถึงเวลานัด ทนายโจทก์แถลงว่า ได้มีการติดต่อจำเลยทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เพื่อจะส่งข้อความที่จะให้จำเลยโพสต์ข้อความขอโทษและกล่าวขอโทษโจทก์แล้ว แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงตามที่แถลงไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 20 ธ.ค.2565 โจทก์ได้ติดตามทวงถามเพื่อให้จำเลยปฏิบัติ ตามข้อตกลงหลายครั้ง แต่จำเลยยังคงเพิกเฉย มีเพียงการชำระค่าเสียหายให้กับโจทก์เพียง 2 งวด เป็นเงินจำนวน 200,000 บาทเท่านั้น ซึ่งจำเลยยังคงค้างชำระเงินค่าเสียหายอีก 1 งวด จำนวน 100,000 บาท จนถึงปัจจุบันจำเลยก็ยังไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงให้ครบถ้วน จึงขอให้ศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยตาม ฟ้อง รายละเอียดปรากฏตามคำร้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยฉบับลงวันที่ 16 ก.พ.2566
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในวันนี้จำเลยทราบนัดโดยชอบแล้วแต่ไม่มาศาลและไม่แจ้งเหตุขัดข้อง จึงไม่อาจมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยในวันนี้ได้ ให้ยกคำร้องจำเลยไม่มาศาล โดยไม่ได้แจ้งเหตุขัดข้องและเจ้าหน้าที่ศาลได้ประกาศเรียกตัวจำเลยเข้าห้องพิจารณาแล้ว กรณีมีพฤติการณ์แสดงว่าจงใจไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงให้ครบถ้วนและหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาจึงให้ออกหมายจับจำเลยเพื่อนำตัวมาฟังคำพิพากษา และถือว่านายประกันผิดสัญญาประกันให้ปรับนายประกันเต็มสัญญา และเลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 30 มี.ค.2566 เวลา 09.00 น.