ป.ป.ช.เผยคดี “กนกวรรณ” เหลืออีก 1 สำนวน ส.ส.-ส.ว.ถูกสอบอีก 7 คดีรุกป่า
เลขาฯ ป.ป.ช. อัพเดตคดี “กนกวรรณ” ยังเหลืออีก 1 สำนวน เผยยังมี ส.ส.-ส.ว.ถูกสอบอีก 7 คดีตั้งอนุไต่สวนฯแล้ว ลั่นคนเป็น ส.ส.-รัฐมนตรี ต้องรู้กฎหมาย
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 22 ก.พ. 2566 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวภายหลังศาลฎีกาพิพากษา น.ส.กนกวรรณ วิลาวัลย์ อดีต รมช.ศึกษาธิการ ผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ว่า คดีเกี่ยวกับ น.ส.วิลาวัลย์ แบ่งเป็น 2 คดี โดยคดีนี้เป็นคดีแรกเกี่ยวกับเรื่องฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงที่ศาลฎีกาตัดสิน แต่ยังมีในส่วนคดีอาญา ขณะเดียวกัน นายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปราจีนบุรี และ น.ส.กนกวรรณ ยังถูกกล่าวหาเพิ่มเติมกรณีออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบอีก 1 สำนวน ซึ่งยังนำสืบไม่เสร็จ
นายนิวัติไชย กล่าวว่า อย่างไรก็ตามคดีเกี่ยวกับการบุกรุกที่ดินอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ยังพบว่า มีการกระทำความผิดอีกหลายกรณี ป.ป.ช.กำลังดำเนินการ เนื่องจากหลายพื้นที่มีการพัฒนาเป็นทั้งสนามกอล์ฟและบ้าน โดยคดีครอบครองที่ดินโดยมิชอบนั้น ขณะนี้ ป.ป.ช.คือการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน จำนวน 7 คดี เป็นเรื่องฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง โดยเป็นการครอบครองที่ดินก่อนดำรงตำแหน่ง และครอบครองที่ดินดังกล่าวต่อเนื่องมาจนช่วงดำรงตำแหน่ง โดยมีทั้ง ส.ส. และ ส.ว. โดยคาดว่าทั้ง 7 คดีจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาในปี 2566 ได้ โดยการครอบครองที่ดินดังกล่าว มีทั้งการเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. และ ภ.บ.ท. 5 รวมถึงครอบครองที่ดินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และป่าไม้ถาวร ซึ่งการครอบครองที่ดินหลังจากดำรงตำแหน่งแล้ว ทำให้ขาดคุณสมบัติ เพราะมีแนวทางคำพิพากษาของศาลคดีฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ และ น.ส.กนกวรรณ วิลาวัลย์ ให้เห็นแล้ว
“คนเป็น ส.ส. เป็นรัฐมนตรี ต้องรู้กฎหมาย แม้จะยุบสภาไปแล้ว ส.ส.พ้นจากตำแหน่ง ก็ยังดำเนินการตรวจสอบได้ หากกลับเข้ามามีตำแหน่งทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง หากศาลประทับรับฟ้องแล้ว สามารถสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งใหม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะมีผลย้อนหลังตามที่ศาลสั่ง หากไม่ได้กลับเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว หากศาลวินิจฉัยให้ผิดจริยธรรม ต้องห้ามดำรงตำแหน่ง ห้ามใช้สิทธิเลือกตั้ง ให้นับจากวันที่พ้นตำแหน่ง” นายนิวัติไชย กล่าว