“ธนาธร” เชื่อ “ก้าวไกล” แกร่งกว่า อนค.ซูฮก “ปกรณ์วุฒิ” โค่น “ศักดิ์สยาม”
“ธนาธร” ขอบคุณถูกตั้งเป็นผู้ช่วยหาเสียง ไม่หวั่น “ศรีสุวรรณ” เตรียมร้องยุบพรรค เชื่อ “ก้าวไกล” แข็งแกร่งกว่า “อนาคตใหม่” พิสูจน์จากผลงาน ส.ส.ในสภา ซูฮก “ปกรณ์วุฒิ” กล้าแฉในศึกซักฟอก โค่น “ศักดิ์สยาม” ได้ หลังศาล รธน.สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ รมว.คมนาคม ปมหุ้น หจก.บุรีเจริญฯ
เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2566 ที่ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงโครงการน้ำประปาดื่มได้ ของเทศบาลตำบลอาจสามารถ และความสำเร็จการเลือกตั้งท้องถิ่นของคณะก้าวหน้าจะส่งผลต่อความสำเร็จในการเลือกตั้งของพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นหรือไม่ว่า ตนหวังว่าประชาชนจะเห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของเรา เมื่อเราถูกยุบพรรค ผู้บริหารพรรคอนาคตใหม่จึงมุ่งมั่นมาทำงานท้องถิ่น ส่วน ส.ส.ที่ไม่เป็นงูเห่าได้ย้ายไปอยู่พรรคก้าวไกลภายใต้การนำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถ้าพี่น้องประชาชนติดตามการทำงานทางการเมืองจะเห็นถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจของเรา เห็นผลงานของ ส.ส.พรรคก้าวไกล ในการเมืองระดับชาติ และคณะก้าวหน้าเข้ามาทำงานภาคท้องถิ่น
นายธนาธร กล่าวว่า ตนขอบคุณที่พรรคก้าวไกลเชิญตนมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้ง จึงจะขอทำงานอย่างเต็มที่ โดยเรามุ่งมั่นตั้งใจจะทำให้ประเทศไทยกลับไปเป็นประชาธิปไตย ไม่เอาพรรคทหารจำแลง จึงหวังว่าพี่น้องประชาชนจะเห็นถึงความตั้งใจของเรา ส่วนการกลับมาของแกนนำคณะก้าวหน้าครบทีมคือนายธนาธร นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และน.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เรื่องนี้ก็ยินดีที่พรรคก้าวไกลไม่ได้เชิญแค่ตนเพียงคนเดียว แต่ยังเชิญเพื่อนร่วมงานของตนมาด้วย เราทั้ง 3 คน รวมถึงผู้บริหารอดีตพรรคอนาคตใหม่ทุกคนก็ร่วมเป็นร่วมตายกับ ส.ส.พรรคก้าวไกลปัจจุบัน จะให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อให้ประชาชนไว้ใจพรรคก้าวไกลมากที่สุด
เมื่อถามถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เตรียมร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบกรณีพรรคก้าวไกลแต่งตั้งทั้ง 3 คนเป็นผู้ช่วยหาเสียง จนอาจจะนำไปสู่การยุบพรรค นายธนาธร กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร ตนเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้กับเทศบาล อบจ. และท้องถิ่นอื่นๆ มาหลายสนาม และตามกฎหมายก็สามารถทำได้ ตนถูกตัดสิทธิ์การเป็นสมาชิกพรรคการเมืองห้ามตั้งพรรคการเมืองใหม่ ห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ตนยังสามารถแสดงความคิดทางการเมืองได้เหมือนคนทั่วไป จึงสามารถเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้
เมื่อถามว่านโยบายด้านเศรษฐกิจถือเป็นหัวใจหลักในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ไม่ทั้งหมด เพราะสำหรับประเทศไทยการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างให้กลับมาเป็นประชาธิปไตยสำคัญเท่ากับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ยกตัวอย่างเรื่องน้ำประปา ที่เกี่ยวข้องกับความเหลื่อมล้ำระหว่างกทม.กับต่างจังหวัด รวมถึงยังเกี่ยวข้องกับด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีเรื่องการบริหารจัดการน้ำ เพราะการผลิตสมาร์ทมิเตอร์น้ำจะสร้างงาน จะทำให้เกิดการจ้างงาน และลดการนำเข้า จนทำไห้ราคาถูกลงและใช้กันอย่างแพร่หลายได้ทั่วประเทศ นี่คือการสร้างซัพพลายเชนใหม่จากปัญหาสังคม ส่วนความสำเร็จของโครงการในระดับท้องถิ่นแห่งนี้จะส่งผลต่อคะแนนความนิยมของพรรคก้าวไกลหรือไม่นั้น ให้ไปรอดูเดือน พ.ค.นี้
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการมองว่ากระแสนิยมของพรรคก้าวไกลไม่เหมือนกับสมัยพรรคอนาคตใหม่เมื่อปี 2562 และการเลือกตั้งปี 2566 ก็จะไม่ง่ายเหมือนเดิม นายธนาธร กล่าวว่า ก็ยิ่งดีเพราะพรรคก้าวไกลไม่ได้แข็งขึ้นเพราะความนิยมส่วนบุคคล แต่แข็งขึ้นเพราะผลงานในสภา ถ้าไม่เข้าข้างมากเกินไปนักก็ถือว่าทำผลงานได้โดดเด่นที่สุดก็คือพรรคก้าวไกล พรรคก้าวไกลแข็งแกร่งกว่าพรรคอนาคตใหม่แน่นอน เพราะสมัยตนเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เราได้รับความเป็นพรรคในวันที่ 6 ต.ค.2561 มีเวลาหาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ประมาณ 5 เดือน แต่พรรคก้าวไกลมีเวลาเตรียมตัวมากกว่า และมีเวลาคัดสรรว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่มีคุณสมบัติที่ดีได้ทำงานลองผิดลองถูก รวมถึงการสร้างฐานสมาชิกให้เติบโตขึ้นมาก ดังนั้นพรรคก้าวไกลจึงแข็งแกร่งจากรากฐานและผู้สมัคร ส.ส.มากกว่าเดิม
เมื่อถามถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม หยุดปฏิบัติหน้าที่ นายธนาธร กล่าวว่า นี่คือตัวอย่างหนึ่งที่เป็นผลจากการอภิปรายและการทำงานในสภาของ ส.ส.พรรคก้าวไกล นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ผู้อภิปราย ที่ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา พบว่า มีนิติบุคคลกลุ่มหนึ่งชื่อ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น เมื่อนายศักดิ์สยามมีอำนาจก็ขายหุ้นออก พอไม่มีอำนาจก็ซื้อหุ้นกลับ ทำกลับไปกลับมา 2-3 รอบ ทั้งที่บริษัทนี้ตั้งอยู่ในบ้านของตัวเอง ทั้งยังเข้าไปประมูลงานโครงการของรัฐ พบความผิดปกติมากมาย ราคาที่ประมูลได้ไปต่ำกว่าราคากลาง 0.3% ผู้เทียบราคาประมูลก็เป็นบริษัทที่บริจาคเงินให้กับพรรคภูมิใจไทย มีความน่าสงสัยเต็มไปหมด นายปกรณ์วุฒิจึงศึกษาเรื่องนี้และเป็นตัวแทนอภิปราย เพื่อตรวจสอบบริษัทนี้ที่รับงานของภาครัฐมูลค่าเป็นพันล้านบาท
“ในสภาชุดนี้มีนักการเมืองบางกลุ่ม พรรคการเมืองบางพรรค ที่รับผลประโยชน์มหาศาลเป็นพันเป็นหมื่นล้าน จากสัมปทานที่มีข้อกังขามากมาย เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม การสัมปทานพื้นที่พาณิชย์ในสนามบินสุวรรณภูมิ โครงการประมูลถนนสายใหญ่ๆ ทั่วประเทศ ตนภูมิใจมากที่นายปกรณ์วุฒิได้เป็นตัวแทนประชาชนในการทำและกล้าพูดเรื่องนี้ จนนำไปสู่การให้นายศักดิ์สยามยุติบทบาทรัฐมนตรี แม้ในทางปฏิบัติจะไม่มีผลอะไรมาก เพราะอีก 2 สัปดาห์ก็จะหมดวาระอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยเป็นสัญลักษณ์ให้สังคมเห็นว่ามีคนที่กล้าปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนในสภาผู้แทนราษฎร” นายธนาธร กล่าว