เปิดแฟ้ม “ทักษิณ” 3 คดีโทษคุก 12 ปี ก่อนประกาศ พร้อมกลับไทยมาติดคุก

เปิดแฟ้ม “ทักษิณ” 3 คดีโทษคุก 12 ปี ก่อนประกาศ พร้อมกลับไทยมาติดคุก

เปิดแฟ้มสารพัดข้อกล่าวหา “ทักษิณ ชินวัตร” ศาลพิพากษาถึงที่สุด 6 คดี พิพากษาจำคุก 3 คดี ยกฟ้อง 2 คดี หมดอายุความ 1 คดี อยู่ในชั้นไต่สวน ป.ป.ช.อีก 1 ปมจัดซื้อเครื่องบินของ “การบินไทย” แพงเกินจริง ตีตกคดีระบายข้าวจีทูจีล็อตสองไปแล้ว

“ตอนนี้ผมติดอยู่ในคุกขนาดใหญ่มา 16 ปีแล้ว เพราะพวกเขากีดกันไม่ให้ผมอยู่กับครอบครัว ผมทรมานมามากพอแล้ว ถ้าต้องทรมานอีกครั้งในคุกที่เล็กกว่า ก็ไม่เป็นไร มันไม่ใช่ราคาที่ผมจำเป็นต้องจ่าย แต่ผมก็ยอมจ่าย เพราะผมต้องการอยู่กับหลานๆ ผมควรได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับลูกๆ หลานๆ ของผม”

คือความในใจล่าสุดของ “โทนี่ วู้ดซัม” หรือ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้นำทางจิตวิญญาณของ “พรรคเพื่อไทย” ที่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเกียวโด และสำนักข่าวนิเคอิ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างที่ “ทักษิณ” เดินทางไปญี่ปุ่น โดยเจ้าตัวยืนยันว่า กำลังรอคอยเวลาที่จะได้เดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งอาจจะเป็นภายในปีนี้ และพร้อมที่จะรับโทษจำคุกแลกกับการได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับครอบครัว ไม่ว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้จะออกมาอย่างไรก็ตาม

นับว่าเป็น “ครั้งแรก” ที่อดีตนายกฯ ผู้อื้อฉาวคนนี้ ยืดอกยอมรับโทษ “จำคุก” หลังหลบหนีคดีทุจริตซื้อที่ดินย่าน ถ.รัชดาภิเษก ไปตั้งแต่ปี 2551 โดยอ้างว่าไปดูกีฬาโอลิมปิก นับเป็นเวลากว่า 15 ปีแล้วที่เขาไม่ได้กลับมาเหยียบผืนแผ่นดินไทย

ปัจจุบันคดีทุจริตซื้อที่ดินย่าน ถ.รัชดาภิเษก หมดอายุความไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังเหลืออีกอย่างน้อย 3 คดีที่ศาลมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดไปแล้ว

อะไรบ้าง กรุงเทพธุรกิจ รวบรวมให้ทราบ ดังนี้

  • พิพากษาคุก 3 คดี โทษรวมจำคุก 12 ปี    

1.คดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า คดีหวยบนดิน โดยศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุกนายทักษิณ 2 ปี ไม่รอลงอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า การสั่งการของจำเลยที่ 1 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดังนั้นเงินที่จ่ายเกินไปกว่ารายได้ของการจำหน่ายสลากจึงถือว่าก่อให้เกิดผลขาดทุนแก่รัฐ

2.คดีสั่งการให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank) อนุมัติเงินกู้สินเชื่อ 4,000 ล้านบาท แก่รัฐบาลสหภาพพม่า ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 (เดิม)

ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีนายทักษิณ สั่งการให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank) อนุมัติเงินกู้สินเชื่อจำนวน 4,000 ล้านบาท แก่รัฐบาลสหภาพพม่า โดยมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าต้นทุน เพื่อนำเงินกู้ดังกล่าวไปใช้ในการซื้อสินค้า และบริการของบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) เป็นการเอื้อประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น

3.คดีให้บุคคลอื่น (นอมินี) ถือหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แทน โดยบริษัท ชินคอร์ปฯ เป็นคู่สัญญาต่อหน่วยงานของรัฐ และเข้าไปมีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นในกิจการโทรคมนาคม โดยศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา แบ่งเป็น ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ จำคุก 2 ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการเข้ามามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น จำคุก 3 ปี

ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า นายทักษิณ ดำเนินการดังกล่าวเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ซึ่งได้รับสัมปทานดำเนินกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่จากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท. ชื่อขณะนั้น) และบริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด หรือบริษัท ดีพีซี ได้รับสัมปทานดำเนินกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่จากการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท. ชื่อขณะนั้น) โดยทั้ง 2 บริษัทเป็นบริษัทในเครือของบริษัท ชินคอร์ปฯ ซึ่งจำเลยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ให้ทั้ง 2 บริษัทได้รับคืนเงินภาษีสรรพสามิตที่ชำระแล้ว โดยมีสิทธินำไปหักออกจากค่าสัมปทานที่ต้องนำส่งให้ ทศท. และ กสท. เป็นผลให้ ทศท. และ กสท. ได้รับความเสียหาย

  • 2 คดียกฟ้อง

1.คดีกล่าวหาว่าอนุมัติให้กระทรวงการคลังเข้าไปบริหารจัดการแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPI

คดีดังกล่าวศาลฎีกาฯ ได้ยกฟ้อง ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เป็นโจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา โดยองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา พิพากษายื่นยกฟ้องตามเดิม

2.คดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้สินเชื่อเครือกฤษดามหานคร กว่าหมื่นล้านบาทโดยทุจริต โดยศาลฎีกาฯ พิพากษายกฟ้องนายทักษิณ จำเลยที่ 1 โดยเห็นว่า คำว่า ‘ซูเปอร์บอส’ หรือ ‘บิ๊กบอส’ ที่ถูกอ้างว่าเป็นผู้สั่งการ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าคือ นายทักษิณ

  • 1 คดีหมดอายุความ

คดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ที่มีการกล่าวหาคุณหญิงพจมาน ชินวัตร (ภริยานายทักษิณ และนามสกุลขณะนั้น) และนายทักษิณ ในการซื้อที่ดินจำนวน 33 ไร่ 78 ตารางวา ราคา 772 ล้านบาท จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันระบบการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2551

โดยก่อนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะพิพากษาคดีดังกล่าว นายทักษิณ ได้เดินทางออกนอกประเทศ โดยอ้างว่าไปดูการแข่งขันโอลิมปิกที่ประเทศจีน และหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาแต่อย่างใด ทำให้ศาลฎีกาฯ อ่านคำพิพากษาลับหลัง จำคุกนายทักษิณ 2 ปี และยกฟ้องคุณหญิงพจมาน

ปัจจุบันคดีดังกล่าวหมดอายุความแล้ว

  • ป.ป.ช.ไต่สวน 1 คดี

คดีกล่าวหาการอนุมัติสั่งซื้อเครื่องบินแบบ A340-500 และ A340-600 ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ระหว่างปี 2545-2547 ทำให้การบินไทยมีหนี้สินเพิ่มมากขึ้น โดยปรากฏชื่อของนายทักษิณ อดีตนายกฯ นายสุริยะ อดีต รมว.คมนาคม และนายพิเชษฐ สถิรชวาล อดีต รมช.คมนาคม 3 นักการเมืองชื่อดังเป็นผู้ถูกกล่าวหาร่วมกับ นายทนง พิทยะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และนายกนก อภิรดี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) 

ปัจจุบันมีการตั้งองค์คณะไต่สวนชุดใหญ่เพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงในคดี และมีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดแล้ว ยกเว้นนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา

  • ป.ป.ช.ตีตกข้อกล่าวหา 1 คดี

คดีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ล็อตสอง จำนวน 8 สัญญา โดยก่อนหน้านี้นายทักษิณ ปรากฏชื่อเป็น 1 ในผู้ถูกกล่าวหาคดีนี้ในชั้นการไต่สวนของ ป.ป.ช. อย่างไรก็ดีสุดท้ายคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ตีตกข้อกล่าวหาแก่นายทักษิณในคดีนี้ เนื่องจากเห็นว่าไม่มี “เทปลับ” ที่อ้างถึงการสั่งการของนายทักษิณ ให้ดำเนินโครงการระบายข้าวจีทูจีจริง

ทั้งหมดคือ สารพัดคดีความที่เป็นชนักปักหลัง “ทักษิณ” อยู่ในตอนนี้ ดังนั้นเจ้าตัวจะกล้ากลับมาไทย เพื่อรับโทษจำคุกตามที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อญี่ปุ่นไว้จริงหรือไม่ ต้องรอดูกันต่อไป

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์