"นอท"หัวหน้าพรรคเปลี่ยน หนุนเกณฑ์ทหารแบบ "สมัครใจ"
หัวหน้าพรรคเปลี่ยน หนุนเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ และไม่ขอวิจารณ์นโยบายประชานิยมพรรคอื่น ขอเดินหน้านโยบาย ส่งคนพิการเรียนจบ ปวช. ทำได้
นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หัวหน้าพรรคและผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเปลี่ยนหมายเลข 20 กล่าวถึง การเกณฑ์ทหาร ที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์กรณีการเรียกผู้ป่วยติดเตียง เข้ารายงานตัวว่า พรรคเปลี่ยน ไม่เห็นด้วยการเกณฑ์ทหารและอยาก ขอให้มีการยกเลิกแล้วใช้การรับสมัครด้วยความสมัครใจแทน โดยต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าวันที่ 1 เมษายน จะเป็นวันรับสมัครและกำหนดจำนวนทหารที่ต้องการในแต่ละปี เพื่อทำอาชีพทหาร เป็นอาชีพ ที่น่าภาคภูมิใจ มีเงินเดือนเพียงพอสามารถเลี้ยงชีพได้ จนต้องมีการแย่งกันสอบเข้าเป็นทหารและเป็นอาชีพในฝันของเด็กๆ
โดย นายพันธ์ธวัช ยอมรับว่า ทหารมีความจำเป็น ในการปกป้องชายแดนและอธิปไตย แต่ไม่เห็นความจำเป็นต้องมีทหารเกณฑ์ เพราะส่วนใหญ่ไปรับใช้นาย เมื่อฝึกจบก็ปลดประจำการ
ส่วนการเรียกผู้ป่วยติดเตียงไปรายงานตัวเกณฑ์ทหารนั้นเห็นว่า ปัจจุบันสามารถใช้เทคโนโลยี เช่น ใช้ video call ติดตามได้ โดยไม่จำเป็นต้องนำผู้ป่วยไปถึงสถานที่เกณฑ์ทหาร อีกทั้งยังมองว่า การเกณฑ์ทหาร อาจเป็นช่องทางธุรกิจ มีรายได้จากใบดำใบแดง เริ่มที่อัตรากลางๆประมาณ 40,000 บาท เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย การหักหัวคิว หรือ เมื่อฝึกเสร็จไม่ต้องกลับเข้ากรม หักค่าหัวคิวเงินเดือนครึ่งหนึ่ง ต้องไปทำงานรับใช้บ้านนาย ทำให้ไม่สามารถยกเลิกการเกณ์ทหารได้
นายพันธ์ธวัช ยังไกล่าวว่า ไม่ขอวิจารณ์นโยบายประชานิยม เช่น การแจกหรือ เพิ่มเงินโครงการต่างๆ ของพรรคการเมืองอื่น เพราะต้องศึกษาก่อนว่าหาเงินมาจากไหน และเป็นเรื่องที่ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งหากทำได้ พรรคก็ยินดีด้วย เพราะทุกนโยบายของทุกพรรคต่างก็ร่วมกันทำเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนสูงสุด
โดยเฉพาะนโยบายพรรคเปลี่ยน ที่ทำได้จริง ทุกอย่างมีเหตุผลสถิติทางตรรกะทั้งหมด และคาดว่าจะหาเงินได้ 55,000 ล้านบาท สำหรับดำเนินนโยบายพรรค 6-7 นโยบาย
ซึ่งวิธีการหาเงิน ทางพรรคได้บอกชัดเจนแล้วว่า จะนำเงินจากความต้องการล็อตเตอร์รี่ 200 ล้านใบ ที่ยังขาดอยู่ 100 ล้านใบ และพรรคจะทำให้ได้ภายใน 1 ปี และนำนำเม็ดเงินนี้ มาทำ นโยบายธนาคารโอกาส กองทุนโอกาส เพื่อช่วยเหลือกลุ่มหาเช้ากินค่ำ ที่ เป็นสารตั้งต้น ต่อยอดสู่นโยบายอื่นๆ
และล่าสุด พรรคได้พูดคุยกับผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อในฐานะนายกสมาคมผู้พิการภาคตะวันออก ที่สะท้อนความต้องการของผู้พิการอยากจะเรียนอาชีวะ พรรคจึงมีนโยบายจัดการศึกษาให้กับผู้พิการฟรี จนสำเร็จการศึกษาระดับ ปวช. โดยจะมีค่าใช้งบประมาณปีละ 350 ล้านบาท ฝึกวิชาชีพจะทำให้มีอาชีพและมีคุณค่าในชีวิตเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ยังพบปัญหาบุคลากรครูอุปกรณ์การศึกษาไม่เพียงพอ เงินเดือนน้อย หากทำได้ตนเองอยากพัฒนาคุณภาพชีวิตอาชีพครูและโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล ด้วยติดตั้งโซลาเซลล์ ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มเงินเดือน ค่าตอบแทนสูงขึ้นทุกโรงเรียนต้องเท่าเทียมไม่แบ่งเกรด และจะผลักดันระบบการศึกษาให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หากได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
รวมถึง ยังมีนโยบาย ธุรกิจคนกลางคืนพนักงานร้าน นักดนตรี วินมอไซต์หรือรถรับจ้าง ต้องจัดพื้นที่หรือโซนนิ่งสำหรับสถานบันเทิง ระยะเวลาการ เปิด-ปิดบริการ รวมถึงบทลงโทษ ที่ต้องมีกฎหมายบังคับ ลดปัญหาการเรียกเก็บส่วย ปัญหาเมาแล้วขับ และส่งเสริมเศรษฐกิจให้ขยายตัวไปได้