นักการเมืองใหม่'ผายลม'ทำสังคมงงงันเพิ่ม | ไสว บุญมา
ท่ามกลางการหาเสียงเลือกตั้งกำลังเข้มข้น ข้อเสนอของนักการเมืองใหม่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง แต่ก็สร้างความงุนงงและการถกเถียงกันอย่างเข้มข้นบนบางเวที
เขาสัญญาว่าจะแจกเงินดิจิทัลให้คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปคนละ 10,000 บาทโดยให้นำไปใช้ภายใน 6 เดือนในรัศมี 4 กม. จากบ้านเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ คำสัญญานี้มีรายละเอียดเพียงจำกัดเมื่อประกาศออกมา
ผู้เสนอและคณะจึงต้องอธิบายไม่เว้นแต่ละวัน ล่าสุดเมื่อเขียนบทความนี้ในช่วงเช้าตรู่วันอังคาร มีคำอธิบายว่าเงินที่จะแจกเป็นคูปองดิจิทัลสำหรับใช้ซื้อของซึ่งมีหน่วยเป็นบาท ฉะนั้น มันจึงมิใช่เงินดิจิทัล หรือคริปโตสกุลใหม่ที่จะสร้างขึ้น
ด้วยเหตุดังกล่าว เราคงคาดเดาต่อไปได้ว่า ถ้าพรรคการเมืองของเขาชนะการเลือกตั้ง รัฐบาลจะเสนอกฎหมายปรับเปลี่ยนงบประมาณการใช้จ่ายเพื่อจะให้มีเงินจำนวนกว่า 5 แสนล้านบาทสำหรับแจกให้คนไทย
ส่วนเงินกว่า 5 แสนล้านบาทนั้นจะมาจากไหน จะต้องกู้หรือไม่ และจะทำให้เกิดเงินเฟ้อหรือไม่ ฯลฯ ยากที่จะคาดเดา
แม้พรรคการเมืองนั้นจะได้เป็นรัฐบาล แต่หากขาดงบประมาณ หรือมีเหตุอื่นทำให้แจกเงินดังกล่าวไม่ได้ หรือไม่ชนะการเลือกตั้ง สัญญาดังกล่าวจะมีค่าเท่า ๆ กับการผายลม
อนึ่ง มีผู้งุนงงจำนวนมากหลังจากบิทคอยน์อันเป็นเงินคริปโตสกุลแรกถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2552 หากดูจากคำถามที่ผมได้รับ แต่ผมขาดความเชี่ยวชาญที่จะให้ความกระจ่างได้ในทุกแง่ทุกมุม จึงไม่ได้ตอบนอกจากจะตั้งข้อสังเกตบางอย่าง
ยิ่งเมื่อรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ประกาศจะสร้างเงินดิจิทัลขึ้นมาใช้ ความงุนงงดูจะเพิ่มขึ้นอีก จึงขอเรียนเรื่องเบื้องต้นและข้อสังเกตบางประการโดยจะไม่พูดถึงประเด็นสำคัญ ๆ เช่น การสูญเสียพลังงานและความเหลื่อมล้ำ
ขอเรียนว่าเงินตราสกุลต่าง ๆ รวมทั้งเงินบาทและคริปโตเป็นสมมติ เงินตราวิวัฒน์มานับพันปี โดยมีรูปแบบมากมายรวมทั้งการใช้เปลือกหอยเป็นตัวแทน
เมื่อรัฐบาลไทยสร้างเงินบาทดิจิทัลขึ้นมา มันจะเป็นวิวัฒนาการอีกก้าวหนึ่งซึ่งเทคโนโลยีเอื้อให้ทำได้
ในปัจจุบัน เงินตราเช่นเงินบาท เยนและดอลลาร์ต่างกับคริปโตเช่นบิทคอยน์คือ เงินบาท เยนและดอลลาร์เป็นสมมติที่รัฐบาลตั้งขึ้นโดยมีกฎหมายรองรับและใช้ชำระหนี้ได้
หากเราเป็นหนี้ใครแล้วนำเงินตราเหล่านี้ไปชำระ เจ้าหนี้จะต้องรับ ส่วนบิทคอยน์เป็นสมมติที่เอกชนตั้งขึ้นโดยไม่มีกฎหมายรองรับ ฉะนั้น หากเรานำเงินสกุลนี้ไปใช้หนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิ์ปฏิเสธ
หลังบิทคอยน์ถูกสร้างขึ้นมา มีผู้ลอกเลียนแบบจำนวนมากจนขณะนี้มีเงินคริปโตหมุนเวียนอยู่กว่า 2 หมื่นสกุลไม่นับสกุลที่ถูกยกเลิกไปเพราะขาดผู้นิยมทำให้มีค่าไม่ต่างกับลมที่ผายออกมา เพราะอะไร?
เพราะผู้สร้างสามารถทำความร่ำรวยได้อย่างรวดเร็วหากมันถูกนำไปใช้ โดยเฉพาะในการเก็งกำไรดังที่ทำกันอยู่อย่างกว้างขวาง
กระบวนการเก็งกำไรแบบบ้าคลั่งของผู้หวังรวยทางลัดทำให้ราคาของบิทคอยน์เพิ่มขึ้นหลายหมื่นเท่า สร้างความร่ำรวยมหาศาลให้แก่บางคน โดยเฉพาะผู้สร้างมันขึ้นมาและผู้เก็บต๋งจากการเป็นตัวกลางซื้อขายมัน
ณ วันนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าผู้สร้างบิทคอยน์คือใครและเขาตบทรัพย์ของผู้หวังรวยทางลัดไปเท่าไร คาดกันว่าเป็นหมื่นล้านดอลลาร์
เนื่องจากคริปโตเป็นสมมติที่ตอนนี้มีผู้ถือไว้จำนวนมากส่วนหนึ่งจากการนำทรัพย์สินจริงไปแลกและมีค่ามหาศาล ในวันหนึ่งข้างหน้าความผันผวนของมันจะกระทบเศรษฐกิจอย่างหนัก
ฉะนั้น เมื่อค่าคริปโตตกอย่างฮวบฮาบ รัฐบาลจะต้องเข้าไปอุ้มเช่นเดียวกับการเข้าไปอุ้มธนาคารขนาดใหญ่ เมื่อไม่นานมานี้ทั้งในสหรัฐและสวิตเซอร์แลนด์
นั่นหมายความว่าเมื่อถึงวันนั้น ผู้สร้างคริปโตทั้งหลายจะไม่ต่างกับโจรที่เอามีดจี้คอหอยสังคม เศรษฐกิจจะล่มจมหากสังคมไม่ยอมทำตาม
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นที่งุนงงอย่างยิ่งว่าเพราะอะไรผู้กำอำนาจรัฐจำนวนมากจึงยังไม่ทำอะไรอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันมิให้วันที่สังคมถูกโจรจี้คอหอยนั้นมาถึง
สุขสันต์เทศกาลสงกรานต์และปีกระต่ายพร้อมกับไม่เป็นเหยื่อของโจรคริปโต.