"พิธา" ประกาศ “9 จุดเปลี่ยน” ปลุกประชาชนกาก้าวไกล
"พิธา" ประกาศ “9 เปลี่ยน” ปลุกประชาชนก้าวไกลคือความเปลี่ยนแปลงที่ไว้ใจได้ ตรงไปตรงมา “มีลุงไม่มีเรา-มีเราไม่มีลุง”
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ปราศรัยปิดท้ายเวทีปราศรัย “ทัพใหญ่ก้าวไกล ปราศรัยโค้งสุดท้าย” ที่สามย่านมิตรทาวน์ เมื่อช่วงคำวันที่22เม.ย.ที่ผ่านมา
โดยช่วงหนึ่งนานพิธาระบุว่าปัจจุบันการหาเสียงของพรรคก้าวไกลเข้าฝักเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นความชัดเจนตรงไปตรงมา และความพร้อมในการเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของตน นี่เป็นเวลาที่อันดับในโพลของพรรคก้าวไกลขึ้นมากที่สุดตั้งแต่มีพรรคก้าวไกลมาและสูงกว่าสมัยอนาคตใหม่ด้วยซ้ำ การค้นหาในกูเกิลเทรนด์สูงสุดตั้งแต่มีพรรคก้าวไกลมา คนที่โทรเข้าฮอทไลน์ของพรรคก้าวไกลเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า คนซื้อสินค้าพรรคก้าวไกลเพิ่มขึ้น 15-20 เท่า และยอดบริจาคผ้าป่าก้าวไกลตอนนี้ ได้มาเกิน 10 ล้านบาทแล้ว ทุกพื้นที่ในประเทศไทยที่ตนไป ได้รับการต้อนรับจากประชาชนเป็นอย่างดีมาจนถึงตอนนี้
ในโอกาสนี้ ตนอยากสื่อสารถึงประชาชนคนไทยทุกคนสามกลุ่ม คือ กลุ่มแรก คนที่ยังคิดไม่ออกว่าวันที่ 14 พ.ค. นี้จะออกมาเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งตนเข้าใจว่าหลายคนอาจจะมีความจำเป็น ทั้งเรื่องของการเดินทางที่ยากลำบาก มีลูกหลานที่ต้องดูแล มีพ่อแม่ที่ป่วยติดเตียง หรือต้องเปิดร้านออกมาไม่ได้ แต่ตนอยากเชื้อเชิญให้ทุกคนเชื่อมั่น ว่าหากเราคือ...ความเปลี่ยนแปลงที่ท่านถวิลหา, ความเปลี่ยนแปลงที่ท่านเชื่อถือได้, ความเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิภาพ และความเปลี่ยนแปลงที่คุ้มค่า 14 พฤษภาคม เข้าคูหากาก้าวไกล ให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม
สำหรับกลุ่มคนที่สอง คือทุกท่านที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคไหน ตนยืนยันได้ว่าพรรคก้าวไกลคือการเปลี่ยนแปลงที่เชื่อถือได้ ตรงปก เลือกแบบไหนได้แบบนั้นแน่นอน คือ "มีลุงไม่มีเรา-มีเราไม่มีลุง" และสุดท้าย คนที่ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วเลือกพรรคอื่นแล้วผิดหวัง ไม่เป็นไปตามสัญญา ตนขอยืนยันว่ากว่า 300 นโยบายที่พรรคก้าวไกลทำไว้ มีเงินจ่ายและทำได้จริงแน่นอน โดยเฉพาะรัฐสวัสดิการที่ต้องเกิดขึ้นในประเทศไทย
นายพิธากล่าวต่อไป ว่าเพราะการกาให้พรรคก้าวไกล จะทำให้เกิด “9 เปลี่ยน” ครั้งประวัติศาสตร์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาในประเทศไทยก่อน ตามยุทธ์ศาสตร์ “การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” ของพรรคก้าวไกล เป็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง 3, ปากท้อง 4 และอนาคต 2 กล่าวคือ
1.เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่เราจะมีรัฐธรรมนูญของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน เปลี่ยนจากเผด็จการจำแลงให้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ
2.เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่จะเปลี่ยนประเทศที่ทุกอย่างถูกรวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพให้เป็นประเทศไทย ด้วยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ
3.เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่จะมีระบบการแก้ปัญหาทุตริต โดยพลิกโฉมเปลี่ยนจากรัฐปกปิดให้เป็นรัฐโปร่งใส
4. เปลี่ยนจากที่ดินนายทุน ขุนศึก ศักดินา ให้กลายเป็นที่ดินของประชาชน
5.สำหรับแรงงานทั่วประเทศ เปลี่ยนจากการขึ้นค่าแรงตามใจผู้มีอำนาจ เป็นการขึ้นค่าแรงที่แปรผันตามค่าครองชีพ โดยจะขึ้นทันที 450 บาท ก่อนขึ้นอัตโนมัติตามค่าครองชีพ
6.เปลี่ยนจากค่าไฟแพงให้เป็นค่าไฟแฟร์ สร้างประชาธิปไตยทางพลังงาน ด้วยเสรีโซลาร์เซลล์
7.เปลี่ยนจากสวัสดิการแบบลุ้นโชค เหมือนในช่วงโควิดที่ฝนตกไม่ทั่วฟ้า เยียวยาไม่ทั่วถึง ชีวิตนี้รำพึงคิดถึงแต่ความตาย พลิกโฉมให้เป็นสวัสดิการถ้วนหน้าที่ไม่ต้องพิสูจน์ความจน
.
8.นี่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่จะเกิดการพลิกโฉมการศึกษาจากเรียนมากได้น้อยเป็นเรียนเน้นได้มาก คืนเวลาให้ครู ไม่ต้องทำงานธุรการ ไม่ต้องเฝ้าเวร ทำเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ ให้ครูได้มีเวลาไปสอนลูกหลานของเราได้อย่างเต็มที่
9. นี่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่ระบบเศรษฐกิจจะทำงานให้ทุกคนในประเทศ ไม่ใช่คนแค่ 1% ไม่ต้องรอให้เค้กโตก่อนแล้วค่อยเจียดมาแบ่งกัน แต่เราจะเริ่มแบ่งเค้กกันตั้งแต่ตอนนี้แล้วโตไปด้วยกัน
“ถ้าชอบวิถีแบบพรรคก้าวไกล ชอบวิธีปฏิบัติแบบพรรคก้าวไกล 14 พ.ค. ต้องกาพรรคก้าวไกลให้คนใหม่ไปเปลี่ยนแปลงประเทศ กาก้าวไกลให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม ให้ประเทศไทยก้าวหน้า การเลือกตั้งครั้งนี้คือเรื่องของพวกเราทุกคน ชัยชนะของพรรคก้าวไกลจะเป็นชัยชนะที่สูงสุดของประชาชนทุกคน เรามาไกลเกินกว่าจะแพ้แล้ว เราไม่สามารถพักได้ เราจะพักเมื่อเราชนะเท่านั้น ขอให้ทุกคนเดินทุกถนน เคาะทุกประตู ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงวันนี้ แล้วเราจะมาเปลี่ยนแปลงกรุงเทพ ประเทศไทย และโลกใบนี้ไปด้วยกัน” พิธากล่าว