‘ลุงป้อม’ลั่นเป็นรัฐบาลยกระดับอีสานทันทีชูรถไฟทางคู่บึงกาฬ-อู่ตะเภา
‘ลุงป้อม’เก็บคอลคุยชาวมหาสารคามระหว่างเดินสายลงพื้นที่ภาคอีสาน ปชช.หวังให้เป็นนายกฯคนที่ 30 พาคนไทยสู่ความสุข ชู “อีสานประขารัฐ” สร้างรถไฟทางคู่ บูมพัฒนาพื้นที่ 24 จ.อีสาน-ตะวันออก ควบคู่สร้างงาน-การศึกษาคุณภาพ
แฟนเพจเฟซบุ๊ก “FC ลุงป้อม” โพสต์คลิปวิดีโอคอลขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี วิดีโอคอลถึงพูดคุยกับประชาชนชาวแก่งเลิงจาน จ.มหาสารคาม ในช่วงระหว่างลงพื้นที่หาเสียงในภาคอีสาน ที่มีกำหนดปราศรัยใหญ่ที่ จ.ร้อยเอ็ด
ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้ใช้เวลาวิดีโอคอลพูดคุยกับประชาชนใน จ.มหาสารคาม เพิ่อทักทาย และรับฟังปัญหาความเดือดร้อน โดยกล่าวผ่านวิดีโอคอลว่า “ทุกคนสบายดีนะครับ ขอฝากพรรคพลังประชารัฐ และผู้สมัครส.ส.มหาสารคามของพรรคด้วย” ตัวแทนประชาชนจึงได้กล่าวตอบว่า “จะสบายกว่านี้ หากได้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯคนที่ 30”
นอกจากนี้ประชาชนชางมหาสารคาม ยังอวยพรให้ พล.อ.ประวิตร และพรรคพลังประชารัฐ ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งที่กำลังมาถึง “ขอให้ ลุงป้อม โชคดี วีนนี้ขอเรียก ลุงป้อม ว่า พี่ป้อม พวกเราชาวมหาสารคามขอเชียร์ พี่ป้อม เบอร์ 37 และขอให้ได้เป็นนายกฯคนที่ 30 รวมทั้งพาคนไทยไปสู่ความสุขด้วย” ประชาชนรายหนึ่ง ระบุ
รายงานข่าวแจ้งว่า การลงพื้นที่หาเสียงภาคอีสานของ พล.อ.ประวิตร ที่ จ.ร้อยเอ็ด เป็นการลงพื้นที่ต่อจาก จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 30 เม.ย.66 โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวกับประชาชนใน จ.ขอนแก่นว่า หากได้เป็นรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐจะทำนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทันที เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาทต่อเดือน พร้อทวงเงินประกันชีวิต 2 แสนบาท, เพิ่มงบกองทุนหมู่บ้านฯให้กองทุนละ 2 แสนบาท, ลดราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้าในทันที
นโยบายเพิ่มเงินในบัญชีของประชาชน อาทิ สวัสดิการผู้สูงอายุ 3 4 5 และ 6 7 8 โดยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปได้รับ 3 พันบาท อายุ 70 ปีขึ้นไปได้รับ 4 พันบาท และอายุ 80 ปีขึ้นไปจะได้รับ 5 พันบาท, นโยบาย แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ มอบเงินให้ผู้ที่ตั้งครรภ์เดือนละ 1 หมื่นบาท เป็นเวลา 5 เดือนจนกว่าจะคลอด และเงินช่วยดูแลลูกอีกเดือนละ 3 พันบาท จนถึง 6 ขวบ, สนับสนุนเงินให้เกษตรกรทั่วประเทศ จำนวน 3 หมื่นบาท จำนวน 8 ล้านครอบครัว เพื่อแก้ปัญหาความยากจน
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้เน้นย้ำถึงนโยบายอีสานประชารัฐ ในการยกระดับการขนส่งคมนาคม และพัฒนาภาคอุตสาหกรรม ควบคู่ไปกับระบบการศึกษาที่สอดคล้องกับการประกอบอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ โดยจะเชื่อมทางรถไฟจากภาคอีสานและภาคตะวันออกให้เป็นรถไฟทางคู่ (บึงกาฬ-ท่าเรือแหลมฉบัง-ท่าเรือมาบตาพุด-สนามบินอู่ตะเภา จ.ระยอง) ระยะทาง 480 กม. ที่จะเป็นการพัฒนาพื้นที่ 24 จังหวัดในภาคอีสาน และภาคตะวันออก สอดรับกับโครงการอีอีซี ทั้งนี้จะเริ่มสร้างเมื่อพรรคพลังประชารัญได้เป็นรัฐบาล ซึ่งได้มีการสำรวจเส้นทางเรียบร้อยแล้ว