"สุวัจน์" ชู "ท่องเที่ยว-ปลดล็อคปัญหาสินเชื่อ" จุดพลิกฟื้นวิกฤตเศรษฐกิจ
"สุวัจน์" โชว์วิสัยทัศน์ เส้นทางผู้นำ ชี้ ประเทศยังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ หนุน ท่องเที่ยว-ปลดล็อคปัญหาสินเชื่อ เพื่อพลิกฟื้น หนุนปฏิรูปกองทัพ ให้ ทหารเกณฑ์เป็นอาชีพที่มีเกียรติ-ใช้เป็นแต้มต่อสมัครงาน
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคชาติพัฒนากล้า ให้สัมภาษณ์รายการ Road to The Future เส้นทางผู้นำ ผ่าน ช่องเนชั่น 22 โดยย้ำถึงความสำคัญของการเลือกตั้ง ที่จะนำประเทศฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ และตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน ซึ่งพรรคชาติพัฒนกล้าเตรียมนโยบายเพื่อให้ประเทศไทยฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ คือ งานดี มีเงิน ของไม่แพง และนโยบายโคราชโนมิกส์ เพื่อสร้างจ.นครราชสีมาและอีสานเป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่
“นโยบายของพรรค คือ การสร้างเศรษฐกิจใหม่ ปลดล็อคแบล็กลิสต์ ลดภาษีเพิ่มรายได้ สร้างเมืองไทยให้เป็นเมืองท่องเที่ยวนำรายได้เข้าประเทศสร้างมอเตอร์เวย์ทั่วประเทศ เด็กไทยสามภาษา การดูแลผู้สูงอายุ นโยบายทั้งหมดอยู่บนการสร้างแพลตฟอร์มการสร้างเศรษฐกิจใหม่ สร้างความเข้มแข็ง ยั่งยืนของประเทศ โดยสิ่งที่จะเป็นจุดพลิกฟื้นวิกฤตเศรษฐกิจ ต้องเริ่มจากการท่องเที่ยว ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาให้มากที่สุด ต่อจากนั้นคือ การปลดล็อคปัญหาสินเชื่อ” นายสุวัจน์ กล่าว
นายสุวัจน์ ยังกล่าวตอบคำถามถึงการปฏิรูปกองทัพ นำทหารออกจากการเมือง ว่า ประเทศชาติต้องมีความมั่นคง มีทหาร แต่จะมีมากน้อยเพียงใด ต้องพิจารณา ส่วนทหารเกณฑ์ อาจถูกมองไปในทาง ไม่มีเกียรติ ถูกนำไปใช้เป็นคนรับใช้ หรือ คนขับรถ ดังนั้นต้องทำให้ทหารเกณฑ์ มีเกียรติ มีความก้าวหน้า หรือแม้แต่นำเป็นข้อมูลอ้างอิงได้ หากผ่านการเกณฑ์ทหาร แล้ว นำไปสมัครงาน เป็นแต้มต่อ เพราะคนที่ผ่านการเกณฑ์ทหารย่อมมีวินัย ความกตัญญู ความจงรักภักดี ถ้าเราทำให้ภาพลักษณ์เหล่านี้ยอมรับได้ ทำให้เขารู้สึกมีเกียรติ ศักดิ์ศรี ไปพร้อมกับการส่งเสริมอาชีพ
“การปฏิรูปกองทัพ ไม่ได้เป็นอะไรที่ไม่ดี เหมือนปฏิรูประบบส่วนราชการอื่นๆ บริบทความมั่นคง เปลี่ยนจากยุค 50 ปีที่แล้วเรื่องพรมแดน แต่วันนี้เราอยู่ในอาเซียน มีนโยบายต่างประเทศเหมาะสม มีบทบาทในอาเซียน ดังนั้นความจำเป็นของกำลังทหาร ลดน้อยลง” นายสุวัจน์ กล่าว
แคนดิเดตนายกฯ พรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวตอบคำถามต่อการนำเสนอนโยบายประชานิยมที่ใช้งบประมาณสูง ว่า ข้อมูลทางเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือนสูงกว่า 90 % ของจีดีพี ไม่รู้จะไปเก็บภาษีจากส่วนไหนเพิ่ม งบลงทุนก็เหลือน้อย โครงสร้างทางสังคมเปลี่ยนไปเป็นสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น ประกอบกับวันนี้ มีปัญหาค่าไฟ ค่าน้ำมันแพง เศรษฐกิจถดถอย ดังนั้นควรให้ความสำคัญกับนโยบายประชานิยมเป็นลำดับสุดท้าย
นายสุวัจน์ กล่าวทิ้งท้ายต่อเหตุผลที่ต้องเลือกพรรคชาติพัฒนากล้า เพราะในวันนี้ประเทศอยู่ในความเสี่ยง ในวิกฤต ตนเป็นส.ส.หลายสมัย รัฐมนตรีหลายกระทรวง มีประสบการณ์ทางการบริหาร จากประสบการณ์ที่มีคิดว่าจะบริหารจัดการให้ประเทศชาติพ้นจากวิกฤตได้ บ้านเมืองมีปัญหาทั้งทางเศรษฐกิจ ทางการเมือง ก็มีปัญหาเปรียบเหมือนก้อนกรวดในรองเท้า ทำให้การแก้ปัญหาต่างๆของประเทศ เดินไม่สะดวก พรรคชาติพัฒนากล้า มีจุดยืนชัด ไม่ทะเลาะกับใคร เดินทางสายกลาง ประณีประนอม ไม่สร้างความขัดแย้ง แต่จะสร้างเสถียรภาพทางการเมืองให้เกิดขึ้น ที่จะทำให้เกิดพลังในการแก้ปัญหา ตนมีความพร้อม ขอให้ไว้วางใจตนและพรรคชาติพัฒนากล้า จะกู้วิกฤตให้ประชาชนได้.