"ส.ว." ล็อคสเปค "นายกฯ" จงรักภักดี-ไร้ปัญหาคุณสมบัติ

นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว.  ให้ความเห็นต่อผลการเลือกตั้ง แบบไม่เป็นทางการ ที่พบว่า พรรคก้าวไกล ได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่ง และเตรียมตั้งรัฐบาลจากพรรคขั้วฝ่ายค้านเดิม ว่า ตนไม่ขอวิจารณ์ ส่วนกรณีที่สังคมจับตาการเลือกนายกฯ ของส.ว. ซึ่งขณะนี้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ประกาศความพร้อมนั้นตนมองว่าต้องพิจารณาในหลายปัจจัย โดยเฉพาะคุณสมบัติที่ไม่มีปัญหา โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อยู่ระหว่างพิจารณาคำร้อง, ความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

"พรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้ง ต้องตั้งรัฐบาลให้ได้ หากตั้งได้ถึงจะเป็นขั้นตอนเลือกนายกฯ​ที่ส.ว.มีหน้าที่เกี่ยวข้อง แต่ตอนนี้ ส.ว. ไปเกี่ยวข้องไม่ได้ ส่วนการเลือกนายกฯ ที่ ส.ว.มีหน้าที่นั้น ผมเชื่อว่า  ส.ว.ทุกคนมีคุณวุฒิ วัยวุฒิที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง ขณะที่ทิศทางของการโหวตส่วนตัวมองว่าที่ผ่านมาเกือบจะเอกฉันท์แน่นอนอาจมีบางส่วนเห็นต่าง" นายกิตติศักดิ์ กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่การโหวตเลือกนายกฯ ของส.ว. หากไม่เลือกตามฉันทามติจากประชาชน นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า  "ส.ว. ไม่มีธง แต่เรามองไปไกลว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไรเลือกใครมีปัญหาหรือไม่ ถ้าเป็นการชักศึกเข้าบ้านมีความขัดแย้งหรือทำใหมีการเดินลงถนนเต็มถนนอีกหรือไม่ ต้องมองหลายมิติ จึงขอให้ถึงเวลานั้นก่อนแล้วส.ว.จะตัดสินใจเพื่อบ้านเพื่อเมือง"

ขณะที่นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน ส.ว. ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าการเลือกนายกฯ เป็นประเด็นที่สภาฯ ต้องรวบรวมเสียงจากพรรคที่ได้รับเลือกตั้ง ให้ได้เกิน 376 เสียง โดยไม่ต้องพึ่งหวังเสียงของส.ว. อย่างไรก็ดี ยอมรับว่าส.ว.มีแบ่งกลุ่ม โดยกลุ่มอิสระมีไม่ถึง 20 คน

"ดูจากการแก้รัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาพบว่ามี 23 ส.ว. สนับสนุน กลุ่มนี้อาจงดออกเสียงในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี และจะเอา 23 คนมาบอกว่าโหวตตามเสียงข้างมากไม่ได้ ดังนั้นเขาต้องรวมเสียงให้ได้ 376 เสียง ไม่เช่นนั่นก็ผ่านไม่ได้ และถ้ารัฐสภาเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งแรกไม่ได้ พรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องไปหาพรรคอื่นมารวมให้ได้ 376เพื่อเลือกครั้งที่2 อีกครั้ง ซึ่งส.ว.ทุกคนมีอิสระ" นายเฉลิมชัย กล่าว