"สุชาติ" ไล่ "พิธา​ " หาวิธีรวมเสียงตั้งรัฐบาลเอง อย่างอแงเหมือนเด็กกินขนม

"สุชาติ" ไล่ "พิธา​ " หาวิธีรวมเสียงตั้งรัฐบาลเอง  อย่างอแงเหมือนเด็กกินขนม

"สุชาติ" ซัด​ "พิธา​ " ทำตัวเหมือนเด็กงอแงกินขนม มีแค่​ 14 ล้านเสียงไม่ถึงครึ่งของผู้มีสิทธิ์​ ไล่ไปหาวิธีรวบรวมเสียงตั้งรัฐบาลเอาเอง​ ยันแต่ละพรรคมีจุดยืนมีนโยบายพรรคของตนเอง ชี้ใช้โซเชียลกดดัน ส.ส.​- ส.ว.​ ถือว่าไม่ใช่การเมือง​

17 พ.ค. 2566- นายสุชาติ​ ชมกลิ่น​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน​ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงจุดยืนของพรรค หลังนายพิธ​า​ ลิ้มเจริญรัตน์​ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เรียกร้องให้ทุกพรรคการเมือง โหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อผ่าทางตันปิดสวิตช์ ส.ว. ว่า เป็นเรื่องของพวกมันเองที่ต้องไปคุยกันเอง ขอใจเย็นๆ เพราะขณะนี้ยังไม่รู้ว่าเมื่อรับรองส.ส.แล้วจะได้จำนวนเท่าใด ทั้งนี้ตนไม่ใช่กรรมการบริหารพรรคจึงตอบแทนไม่ได้ แต่ส่วนตัวไม่ได้มีนโยบายหรือความคิดตรงกับพรรคก้าวไกล ตนจะไปอยู่กับเขาได้อย่างไร เขาได้คะแนน 30% ของผู้มาใช้สิทธิ์ทั้งหมด 14 ล้านเสียง ได้ไม่ถึงครึ่ง

เมื่อถามว่า ที่มากดดันให้ส.ว.ต้องเคารพเสียงประชาชน นายสุชาติ กล่าวว่า ต้องเป็นกระจกเงาสะท้อนกลับไปบ้าง เหมือนเด็กงอแงกินขนม เรียกกินอมยิ้มอย่างเดียวมันต้องดูเหตุและผล ผู้ใหญ่หลายพรรคก็ให้สัมภาษณ์ไปแล้ว แต่ละพรรคมีจุดยืนมีนโยบายพรรคของตนเอง เขาจะไปแหกข้อบังคับพรรคเขาอย่างไร ทั้งนี้แต่ละพรรคมีนโยบาย และจุดยืนเป็นของตัวเองที่ไปหาเสียง แม้ประชาชนจะเลือกเขามา 1-2 ล้านเสียง ก็มาเพราะนโยบายนี้ ถ้าไปช่วยคนที่นโยบายไม่เหมือนกันแล้วจะอยู่กันอย่างไร

เมื่อถามย้ำว่าการที่ส.ส.จะไม่โหวตให้ ไม่ใช่การไม่เคารพเสียงจากประชาชน ใช่หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า เขามีแค่ 14 ล้านเสียง จาก 40​ ล้านเสียง แล้วถ้าคนที่เขาเลือกตนมา 4 ล้านเสียง เพราะเขาไม่เอานโยบายพรรคของนายพิธา​ ถ้าตนโหวตให้นายพิธาแล้วตนจะกลับบ้านได้อย่างไร​ ขอสื่อมวลชนอย่าหลงกลเขา ต้องให้ข่าวความจริงสะท้อนกระจกให้เขาฟัง อย่าให้เขามองว่าเอาตรงนั้นตรงนี้ออกมาช่วย เอาตรงนั้นจะออกมากดดันคุณมีแค่กี่เปอร์เซ็นต์ มี 14 ล้านเสียง คุณก็ต้องไปจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ มันเป็นหน้าที่ของพรรคแกนนำ​

เมื่อถามว่า ที่มีการเอากระแสสังคมมากดดัน ส.ส.และสว. จะทำให้เกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ต้องให้สื่อมวลชนพูดความจริงกับประชาชนว่าเขามี 14 ล้านเสียง เขาไม่ได้มี 30 ล้านเสียง ถ้าเขาจำเป็นต้องใช้เสียงคนอื่น แต่คนอื่นไม่มีนโยบายตรงกับเขาแล้วจะไปกันอย่างไร​ เช่น นโยบายเขาไม่เอาลุง​ แต่ตนมีลุง​ แล้วจะไปอย่างไร​ ตนขอถาม​ ถูกไหม​ เพราะคนที่เขาเลือกตนมา​ ก็เพราะไม่เอาพรรคก้าวไกล ที่เสนอแก้อะไรที่คนไทยรับไม่ได้

 

เมื่อถามย้ำว่า อย่างไรก็รวมกันไม่ได้กับพรรคก้าวไกลแน่นอนใช่หรือไม่ นายสุชาติ​ กล่าวว่า การเมืองจะมองเป็นของเล่นไม่ได้ การเมืองคือประเทศชาติบ้านเมือง การเมืองคือพี่น้องประชาชน การเมืองคือความยั่งยืนของลูกหลานเราในอนาคต เราจะมองการเมืองเป็นของเล่นแค่อารมณ์ชั่ววูบ เหมือนไฟไหม้ฟางหรือ มันไม่ใช่ เราต้องมีอุดมการณ์ที่เข้มแข็งและชัดเจน ไม่ใช่อุดมการณ์ที่จะไปช่วยเขา แล้วมันเกี่ยวอะไร มันไม่เกี่ยวกัน ส่วนตัวมีเอกสิทธิ์ ส.ส.มีเอกสิทธิ์ทุกคน

เมื่อถามว่าได้มีการวิเคราะห์หรือไม่ หากพรรคลำดับที่ 1 จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ จะมีความวุ่นวายตามมา นายสุชาติ​ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่พรรคลำดับที่ 1 จะต้องไปคิดเอง จริงๆแล้วถ้าเขาได้เกิน 250 เสียง ก็ได้ไป แต่ได้ 151 เสียง ก็ต้องไปขอใคร เขาว่าใครไว้แล้วใครจะไปยอม แต่ละคนก็มีแฟนคลับ

เมื่อถามว่า ถ้าพรรคไกลไม่สามารถจะตั้งรัฐบาลได้ แล้วพรรคอื่นมาชวนไปร่วมรัฐบาล นายสุชาติ กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบแทนพรรคได้ เมื่อถามย้ำว่าหากพรรคลำดับที่ 2 จัดตั้งรัฐบาลแล้วมาชวน จะโหวตนายกรัฐมนตรีให้พรรคลำดับที่ 2 หรือไม่​ นายสุชาติ ย้อนถามกลับว่า ต้องถามที่จุดยืนของตนก่อน ว่าคืออะไร ตนไม่เอาพรรคก้าวไกลอยู่แล้ว​ แต่ถ้าไม่มีนโยบายที่ไปแตะต้องสิ่งที่คนไทยนั้นหวงแหนก็พอแล้ว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำอีกว่า แสดงว่าพร้อมเปิดช่องให้กับพรรคอื่นยกเว้นพรรคก้าวไกล ใช่หรือไม่ นายสุชาติ​ กล่าวว่า​ ต้องยอมรับ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการแช่แข็งทางการเมือง เรามองว่าเป็นการแช่แข็งหรือเปล่า​ ตรงนี้ตนคิดเองนะ แต่ถ้าพรรคก้าวไกลเรียกออกมาช่วยเพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้​ คุณด่าเขาทุกวันแล้วเขาจะไปอยู่กับคุณได้อย่างไร และต้องกลับไปถามชาวบ้าน เพราะชาวบ้านเรียกเรามา ตนเองก็ต้องกลับไปถามประชาชน ไม่ใช่พูดเล่นนะ

เมื่อถามว่า พรรคจะโหวตนายกรัฐมนตรีไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า เป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัว แต่ขอย้ำว่าต้องกลับไปถามประชาชน

นายสุชาติ​ กล่าวด้วยว่า สื่อมวลชนต้องช่วยกัน อย่าไปหลงกลเขาว่ามี 14 ล้านเสียงแล้วเป็นรัฐบาล เขามีเสียงถึงกึ่งหนึ่งหรือไม่ และต้องถามกลับว่า คุณจะรวมเสียงอย่างไร ต้องไปหากันเอง แต่ถ้าจะมากดดันส.ส.​ แต่ถ้าจะมาเรียกร้องส.ส.พรรคต่างๆโหวตให้เขาผ่าน ตนว่ามันไม่ใช่แล้ว แบบนี้ไม่ใช่การเมือง