"ก้าวไกล" ย้ำจุดยืนแก้ ม.112 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลตลกผลึก รอฟัง MOU 22 พ.ค.
"ก้าวไกล" ย้ำจุดยืนแก้ ม.122 เงื่อนไขจัดตั้งรัฐบาล ยัน 8 พรรคร่วมตกผลึกแล้ว รอฟังรายละเอียดเซ็น MOU 22 พ.ค. ไม่กังวล ส.ว.ไม่โหวต "พิธา" นายกฯ ลั่น "ก้าวไกล-เพื่อไทย" ไม่ปล่อยมือกันแน่นอน
เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2566 ที่โรงแรมโอกุระ เพรสทีจ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตอบคำถามภายหลังแถลงข่าวรวม 8 พรรคการเมือง 313 ส.ส. เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ถึงประเด็นกรณีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ทุกพรรคมีความเห็นร่วมกันอย่างไร ว่า จุดยืนมาตรา 112 ตอนก่อนเลือกตั้งทุกพรรคได้มีการพูดคุยและดีเบตในเรื่องนี้มาพอสมควรแล้ว ชัดเจนในเรื่องจุดยืนต่าง ๆ เกี่ยวกับมาตรา 112 อยู่แล้ว และพื้นที่นี้ไม่ได้เป็นพื้นที่ ๆ ที่จะมาอธิบายเรื่องนี้ เพราะทุกพรรคได้แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว พรรคร่วมทั้ง 8 พรรคในที่นี้มีจุดยืนในเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล มีความชัดเจน มีเอกภาพและมีความคืบหน้าเป็นที่พอใจ
เมื่อถามว่า ห่วงเงื่อนไขเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 จะทำให้ไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.หรือไม่ นายพิธา กล่าว่า ไม่ห่วง ตอนนี้เรากำลังจัดทำคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงคณะทำงานเปลี่ยนผ่านอำนาจอยู่แล้ว ตอนนี้จึงยังมีเวลา วันนี้ไม่ได้มาแถลงเนื้อหาของเรื่องเอ็มโอยู จะแถลงในวันที่ 22 พ.ค.นี้ หลังจากได้ทีมขึ้นมาแล้วก็จะมีการปรึกษาหารือกันอีกครั้ง รอฟังรายละเอียดในวันที่ 22 พ.ค. ขณะนี้ตกผลึกกันแล้วทุกพรรค
เมื่อถามว่า หากเข้าสภาแล้วโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ได้ จะแก้ปัญหาอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ทั้ง 2 คณะทำงาน ทั้งคณะเจรจาและคณะทำงานเปลี่ยนผ่าน วางแผนไว้หลายรูปแบบว่าในอนาคตจะมีฉากทัศน์แบบไหนเกิดขึ้นบ้าง และจะบริหารจัดการสถานการณ์อย่างไร เพราะฉะนั้นเราจึงสามารถบริหารจัดการลดความเสี่ยงต่าง ๆ ในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะฉะนั้นตรงนี้ตนไม่ได้กังวลอะไร ปล่อยให้คณะทำงานที่ตนและหัวหน้าพรรคทุกคนช่วยกันจัดตั้งในการบริหาร ทั้งในเรื่องจำนวนเสียงที่เหมาะสม ทั้งในเรื่องของการสานต่อในนโยบายที่เราควรทำตามที่เราได้สัญญากับพี่น้องประชาชนผ่านนโยบายของพวกเราทุกพรรคที่อยู่ตรงนี้
เมื่อถามย้ำว่า ไม่กังวลเรื่องคะแนนโหวตใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า “ยืนยันครับ”
เมื่อถามอีกว่าถ้าหากโหวตไม่ผ่านและต้องมีการเลือกรอบ 2 จะมีความกังวลหรือมีการปรับเปลี่ยนอะไรหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ถ้าเราไม่มีโรดแมปหรือฉากทัศน์ที่ชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็คงมีความกังวล แต่ตอนนี้ไม่มีมีความกังวล เพราะเรามีโรดแมป มีคณะกรรมการ มีเป้าหมายที่ชัดเจน ถ้าฉากทัศน์ออกมาเป็นแบบที่เราคาดไม่ถึงเป็นไปไม่ได้เพราะเราได้คาดการไว้ก่อนแล้วว่าในกรณีนี้จะต้องทำอย่างไรให้การจัดตั้งรัฐบาลของเราสำเร็จ
เมื่อถามว่าจะหา 66 เสียงจากส.ว.มาได้อย่างไร นายพิธา กล่าวว่า 313 เสียงถือเป็นความปกติในระบอบประชาธิปไตยที่เพียงพอ ถ้าจะต้องไปหาเพิ่มยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่อาจจะมีหลายฉากทัศน์ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นจึงให้กรอบของคณะกรรมการเจรจาหาตัวเลขที่สมดุล ไม่ต้องกังวลใจจัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน พรรคเพื่อไทยและก้าวไกลไม่ปล่อยมือกันแน่นอน ส่วนจำเป็นจะต้องมีการดึงพรรคอื่นๆ มาร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคณะทำงาน แต่การจะดึงใครมาร่มก็ต้องดูอุดมการณ์และจุดยืนว่าตรงกันหรือไม่
เมื่อถามอีกว่าได้มีการเจรจาถึงการดูแลแต่ละกระทรวงแล้วหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ก็มีการพูดคุยกัน แต่ไม่ได้เน้นที่กระทรวงเป็นตัวตั้ง แต่เน้นวาระที่ทุกพรรคได้หาเสียงกันเอาไว้ ทุกพรรคมีนโยบายใกล้เคียงกัน จึงต้องมาแสวงหาจุดร่วมสงวนจุดต่าง แต่ใครจะได้คุมกระทรวงใด เป็นเรื่องของปลายทาง
เมื่อถามถึงกรณีมีการร้องเรียนในคดีความต่าง ๆ และ ส.ว. ที่ยังมีเสียงแตก นายพิธา กล่าวว่า ไม่กังวล แต่ไม่ประมาท ตนเข้าใจว่าเรื่องการเมืองมีมิติไหนบ้าง พร้อมรับทุกมิติ เพราะเป็นบุคคลสาธารณะต้องยอมรับการตรวจสอบ สำหรับ ส.ว. เป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่บางท่านมองว่าไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องของทั้งระบอบประชาธิปไตยของเราทุกคน มีอาณัติสัญญาณที่ดีพอสมควรที่ประชาชนจะมีอำนาจสูงสุด