"สุวัจน์" แจงด่วนปมร้อน "ก้าวไกล" ไม่รับ "ชาติพัฒนากล้า" ร่วมรัฐบาล
"สุวัจน์" แจงด่วนปมร้อน ก้าวไกล ไม่รับ ชาติพัฒนากล้า ร่วมรัฐบาล ยัน ไร้ปัญหา ต่อสาย กรณ์ ให้เที่ยวต่อได้เลย ยกเลิก ประชุมคณะกรรมการพรรค 22 พ.ค.
หลังจากกรณี พรรคก้าวไกล ประกาศร่วมมือกับพรรคการเมืองอื่น ๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีพรรค “ชาติพัฒนากล้า” เพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน เป็นที่มาโลกทวิตเตอร์ได้มีการกล่าวถึงประเด็นดังกล่าวกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะคำที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ก็คือ #มีกรณ์ไม่มีกู จนเป็นเหตุให้พรรคก้าวไกล ประกาศไม่รับพรรคชาติพัฒนากล้าร่วมรัฐบาล
ล่าสุด นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า พรรคก้าวไกล ติดต่อมาที่พรรคชาติพัฒนากล้า อย่างที่ตนเคยให้สัมภาษณ์ว่า ไม่มีใครติดต่อมาเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็ได้ เพราะมีสองเสียง แต่อยากเห็นการเมืองเรียบร้อยให้ประเทศเดินหน้า ดังนั้นหลังจากนั้น วันพฤหัสบดี 18 พ.ค. ได้รับการติดต่อจากพรรคก้าวไกลว่า "ขอเรียนเชิญพรรคชาติพัฒนากล้าเข้าร่วมมรัฐบาล เพราะได้เสียงไม่เพียงพอ" ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้าไม่ได้เป็นฝ่ายไปติดต่ออะไรทั้งสิ้น เราอยู่เฉยๆ และเมื่อมีการติดต่อมา และเราเคยพูดไปก่อนการ1.เลือกตั้งว่าอยากเห็นการเมืองมีเสถียรภาพ
2.มีรัฐบาลเสียงข้างมาก ไม่ใช่รัฐบาลเสียงข้างน้อย 3.อยากเห็นการยึดถือประเพณี ว่าใครชนะเลือกตั้งต้องริเริ่มจัดรัฐบาล ดังนั้นวันที่ 18 พ.ค. เมื่อได้รับติดต่อได้พิจารณาตามเหตุผลและองค์ประกอบที่ให้ไว้ ดังนั้นเมื่อเชิญตน เท่ากับส่งการ์ด จึงตอบรับคำเชิญเหมือนในหลักการ เพราะว่าการติดต่อชาติพัฒนากล้าเข้าร่วมรัฐบาลในครั้งนี้ เป็นการร่วมรัฐบาลที่ไม่เหมือนทุกครั้ง
เพราะการเจรจาร่วมรัฐบาล ไม่มีการลงนามเอ็มโอยู ถือเป็นมิติใหม่ ในการจัดรัฐบาล กำหนดขอบเขตว่าต้องทำอย่างไร และต้องศึกษาว่าเห็นด้วยหรือไม่ ก่อนให้ความเห็นโต้แย้งสิ่งที่อยากปรับปรุง เมื่อก้าวไกลเรียนเชิญ พรรคชาติพัฒนากล้าตอบรับในหลักการที่อยู่บนพื้นฐานที่ได้เรียนไว้ข้างต้น และตอนนี้การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล ยังขาดอีก 60 กว่าเสียง ก็เป็นเรื่องที่พรรคชาติพัฒนากล้า ต้องสนับสนุนเพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ เราก็ตอบรับในหลักการ
แต่ต้องประชุมกรรมการบริหาร ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ก่อน เพราะต้องลงนามในเอ็มโอยูด้วย เพราะหากลงนามก็ผูกพันธ์ เพื่อให้พูดคุยกัน ว่าเนื้อหาในเอ็มโอยูสอดคล้องกับนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าหรือไม่ เช่น เศรษฐกิจ สังคม การกระจายอำนาจ ลดความเหลื่อมล้ำ ความมั่นคง ปฏิรูปกองทัพ ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เราต้องไปศึกษา ร่วมถึง แก้ รัฐธรรมนูญ นิรโทษกรรม รวมถึงมาตรา 112 ซึ่งในเวทีดีเบตเราพูดไว้ชัดว่า ให้คงไว้ซึ่งมาตรา 112
นายสุวัจน์ กล่าวต่อว่า แต่เมื่อพรรคก้าวไกลขอยุติการเจรจาเข้าร่วมรัฐบาล ได้แจ้งมา ทางเรา โนพลอมแพลม ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะเราอยู่ระหว่างขั้นตอนตอบรับคำเชิญอย่างเป็นทางการ มีประเด็นรายละเอียดในเรื่องเอ็มโอยู ซึ่งทางพรรคก้าวไกลก็แจ้งมาในช่วงบ่ายวันจันทร์ 22 พ.ค. เราต้องประชุมพรรคเพื่อลงมติร่วมรัฐบาล หรือ เซนเอ็มโอยู หรือ เห็นชอบปรับปรุงหรือไม่อย่างไร นี่คือกระบวนการทั้งหมด
"เราได้รับแจ้งและรับทรายจากถ้อยคำแถลงว่า จะยุติการเจรจา ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่วนเหตุผลขอยุติเป็นไปตามเอกสารที่ก้าวไกลแถลงฉะนั้นอยากเรียนให้ทราบว่า ขอบคุณพรรคก้าวไกลที่ให้เกียรติมาเรียนเชิญพรรคชาติพัฒนากล้าเข้าร่วมรัฐบาล เราเองให้การสนับสนุนแนวทางนี้อยู่แล้ว แม้ชาติพัฒนากล้าจะมีเพียง2 เสียงก็ตาม เพราะในทางการเมืองการตัดสินใจทางการเมือง ไม่ใช่จะไปต่อรองอะไรได้กับ 500 เสียง แต่ตัดสินใจเพื่อให้การเมืองไปข้างหน้า จัดตั้งรัฐบาลกันได้ก็เป็นความรับผิดชอบพรรคการเมือง เพราะเคยพูดว่า การเมืองต้องหันหน้าเข้ามากัน ลดความขัดแย้ง ถึงไปกันได้ เรามีแนวทางนี้เพื่อเกิดความเรียบร้อย ไม่เคยสร้างปัญหา อย่างไรก็ตามการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคคงไม่เกิดแล้ว เพราะได้รับแจ้งยุติเจรจา เราก็ไม่ต้องประชุมกันแล้วในวันจันทร์นี้ ส่วน ชาติพัฒนากล้า โนพลอมแพลม เรายังเป็นมิตรสหายอยู่ในการเมืองด้วยกัน มีอะไรพร้อมพูดคุย พูดจาได้ตลอดเวลา ผมพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพรรคการเมือง เชิญมาให้ความร่วมมือ ยุติก็ให้ความร่วมมือ ก็ไม่มีอะไร ส่วน หัวหน้าพรรค คุณกรณ์ จาติกรวณิชย์ ไปออสเตเลีย ผมก็โทรไปคุยแจ้งให้ทราบมีการเชิญจากพรรคก้าวไกล ท่านอยู่ที่ไหน ท่านบอกว่า เที่ยวอยู่ออสเตรเลีย ผมก็บอกว่า ต้องบินกลับด่วนมาประชุม หัวหน้าพรรคจะบินกลับเช้าวันจันทร์ 22 พ.ค. แต่ผมโทรบอกหัวหน้าพรรคว่า เที่ยวต่อไป ไม่ต้องมาก็ได้ เพราะว่าไม่ต้องประชุมแล้ว ยุติเจรจา"