‘ชลธิชา ก้าวไกล’ ยื่น ก.ต.สอบผู้พิพากษา ปมเร่งคดี ม.112 หวั่นอดเข้าสภา
‘ชลธิชา แจ้งเร็ว’ ว่าที่ ส.ส.ปทุมธานี ‘ก้าวไกล’ ควง ‘โรม-อมรัตน์’ ยื่น ก.ต.สอบผู้พิพากษา ปมเลื่อนนัดคดี ม.112 ให้เร็วขึ้น ตรงกับวันที่ทนายไม่ว่าง หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม อ้างอาจขัดขวางการทำหน้าที่ในสภาฯ
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2566 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว ว่าที่ ส.ส.ปทุมธานี พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล และนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล แกนนำพรรคก้าวไกล ร่วมยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) เพื่อให้ตรวจสอบวินัยผู้พิพากษาศาลอาญาที่เร่งรัดคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ น.ส.ชลธิชา ตกเป็นจำเลย โดยมีการเลื่อนนัดสืบพยานให้เร็วขึ้น จนไม่มีทนายความจำเลยร่วมว่าความอยู่ในการพิจารณาคดี
น.ส.ชลธิชา กล่าวว่า จุดเริ่มต้นการถูกแจ้งข้อหาตามมาตรา 112 จากการเขียนจดหมายถึงสถาบันฯ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมา เข้าสู่กระบวนการ ในวันนัดพร้อมคดีได้มีการตกลงนัดวันสืบพยานโจทก์-จำเลย โดยกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก เดือน มี.ค. 2567 โดยเหตุผลที่ขอเป็นช่วงเวลาดังกล่าวเนื่องจากทนายความของตนที่ทำคดีความมาตรา 112 ต้องว่าความหลายคดี และมีวันว่างนัดนั้น
น.ส.ชลธิชา กล่าวอีกว่า ต่อมาประมาณเดือน ก.ค. 2565 มีเจ้าหน้าที่ศาลโทรศัพท์มาสอบถามทนายความของตน ว่าในเดือน มิ.ย. และ ส.ค. มีวันว่างหรือไม่ ศาลต้องการนัดสืบพยาน โดยเลื่อนนัดมาให้เร็วขึ้นทนายความของตนจึงชี้แจงว่าไม่ว่าง เนื่องจากติดภารกิจของการสืบพยานที่ศาลอื่น ในเมื่อทางเราแจ้งกับศาลไปเรียบร้อยแล้วถึง 2 รอบว่า ตัวทนายความของจำเลยไม่สะดวกนัดสืบพยานในคดีนี้ช่วงเดือน มิ.ย.เเละ ส.ค. 2566 เพราะติดนัดคดีอื่น สิ่งที่ตนและทนายความสงสัยและตั้งคำถามคือ ในเมื่อศาลรู้อยู่แล้วว่าทนายความไม่สะดวกเนื่องจากภารกิจ
น.ส.ชลธิชา กล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา จึงเดินทางมาที่ศาลคนเดียว เพื่อขอยื่นการเลื่อนนัดสืบพยานเนื่องจากไม่สะดวก แต่นายอรรถการ ฟูเจริญ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และผู้พิพากษาในคดี ไม่อนุญาตให้เลื่อนนัดสืบพยาน จึงใช้สิทธิ์ในการขอพบผู้บริหารศาลซึ่งเป็นสิทธิของบุคคลทั่วไป แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพบ จึงขอใช้สิทธิเปลี่ยนองค์คณะผู้พิพากษา เนื่องจากรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะเหตุการณ์เมื่อวานนี้มีการสืบพยานฝ่ายโจทก์โดยที่ตนไม่มีทนาย ตามปกติคดีอาญาที่มีโทษสูงอย่างมาตรา 112 โทษจำคุก 3-15 ปีการสืบพยาน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีผู้มีความรู้ด้านกฎหมาย ทำให้รู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม
เมื่อถามถึงเหตุผลที่ศาลเลื่อนนัดสืบพยานเร็วขึ้น น.ส.ชลธิชา กล่าวว่า ศาลให้เหตุผลว่าเป็นดุลยพินิจของท่าน หากไม่พอใจให้ไปดำเนินการตามขั้นตอน ทำให้มายื่นหนังสือถึง กต. ในวันนี้ รวมถึงไม่ใช่แค่คดีมาตรา 112 ของตนที่ถูกให้เลื่อนเร็วขึ้น แต่ยังมีของคนอื่นอีก 4-5 คน และไม่มีทนายฝ่ายโจทก์เช่นกัน อย่างคดีของนายปิยรัตน์ จงเทพ ว่าที่ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล พบว่าถูกเลื่อนคดีให้เร็วขึ้น แต่กรณีนั้นต่อมาศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีออกไปให้ช้าลงได้ มีเพียงคดีของตนเท่านั้นที่ศาลยืนยันว่าไม่สามารถให้เลื่อนนัดสืบพยาน
เมื่อถามว่าการเลื่อนนัดสืบพยาน เลื่อนการทำคดีให้เร็วขึ้นจะเป็นการขัดขวางการทำหน้าที่ ส.ส.ในอนาคตหรือไม่ น.ส.ชลธิชา กล่าวว่า มีหลายคนที่แสดงความกังวลว่าเหตุการณ์นี้ เป็นหนึ่งในขั้นตอนขัดขวางการทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร
ขณะที่นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นายอรรถการเป็นหนึ่งในผู้ที่ถอนหมายจับกรณีของ ส.ว.ที่เป็นข่าว แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เราตั้งคำถาม ว่าตกลงแล้วกระบวนการยุติธรรมเป็นอย่างไร มีความเป็นธรรมเสมอภาคเท่าเทียมกันกับทุกคนหรือไม่ เพราะอย่างกรณีของ ส.ว. รายหนึ่งกระบวนการล่าช้า เคยยื่นก.ต ให้พิจารณาการทำหน้าที่ว่า นายอรรถการ และอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีของ น.ส.ชลธิชา คำถามที่สำคัญคือกระบวนการเหล่านี้เป็นกระบวนการที่ได้มาตรฐานและมีความยุติธรรมหรือไม่ การพิจารณาของเมื่อวานนี้หมายความว่าเขาจะไม่มีทนายความในการต่อสู้คดีด้วยหรือไม่ ไม่อยากให้รู้สึกว่าองค์กรสุดท้ายนี้ จะเป็นเครื่องมือของกระบวนการอะไรก็แล้วแต่ เป็นการเตะตัดขา น.ส.ชลธิชา ให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในสภาฯหรือเป็นผู้แทนของประชาชนได้ เชื่อว่าคงจะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นกับศาลของเรา มีความหวังที่จะเห็นการปรับปรุงแก้ไขสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย
ส่วนนางอมรรัตน์ กล่าวว่า วันนี้มาในนามของกรรมการพรรคก้าวไกลขอมายืนเคียงข้างกับ น.ส.ชลธิชา ด้วยความเป็นห่วงต่อวิกฤตศรัทธาที่เกิดขึ้นต่อกระบวนการยุติธรรม กระบวนการยุติธรรมถูกตั้งคำถามมาก การดำรงตนเป็นอิสระโยงไปถึงนโยบายของพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมปฏิรูปแทนที่จะเป็นที่พึ่งสุดท้าย