"อสส." ชง "เลขาครม." เสนอ โปรดเกล้าฯ บัญชี ก.อ.-เเต่งตั้งอัยการ 934 ราย
"อสส." ชงเลขาฯ ครม. เสนอโปรดเกล้าฯ เเต่งตั้งอัยการ 934 ราย หลังผลสอบ "ศักดา ช่วงรังษี" ว่าที่ รอง อสส.ไม่มีมูลความผิดวินัย ส่วนอัยการ "ปรเมศวร์" ที่เคยโดนคดีเมาขับชนคน โดนเเยกไปอีกบัญชีคนเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเร็วๆนี้ น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด ได้มีหนังสือด่วนที่สุด เลขอส.0004(คก1)/ถึง เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการอัยการและอัยการอาวุโสโดยอ้างถึง 1 .หนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ลงวันที่ 18 ต.ค.65 2.หนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ ลงวันที่ 19 ธ.ค.65 พร้อมด้วย 1.สำเนารายงานการประชุม ก.อ. ครั้งที่ 10/2565 2.บัญชีรายชื่อข้าราชการอัยการที่เสนอแต่งตั้ง จำนวน 2ฉบับ 3.ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรีจำนวน 1 ฉบับ
ตามหนังสือที่อ้างถึง 1 แจ้งว่า ในการประชุม ก.อ. ครั้งที่ 10/2565 เมื่อวันที่ 12 กันยายน2565 ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้เลื่อนตำแหน่งและแต่งตั้งข้าราชการอัยการให้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆจำนวน 786 ราย และแต่งตั้งอัยการอาวุโส จำนวน 149 ราย รวม 435 ราย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65 เป็นต้นไป และสำนักงานอัยการสูงสุดขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมแต่งตั้งข้าราชการอัยการและอัยการอาวุโสให้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ จำนวน 935 ราย ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65 เป็นต้นไป และตามหนังสือที่อ้างถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แจ้งว่า สำนักเลขาธิการ คณะรัฐมนตรีมีประเด็นและข้อสังเกตในการแต่งตั้ง นายศักดา ช่วงรังษี อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาตลิ่งชัน ให้ดำรงตำแหน่ง รองอัยการสูงสุด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีบัตรสนเท่ห์ร้องเรียนว่า ขณะดำรงตำแหน่ง อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปกครองภูเก็ต และอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาตลิ่งชัน มีพฤติกรรมไม่มาปฏิบัติราชการ ซึ่งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงยังไม่ได้ข้อยุติความละเอียดแจ้งแล้วนั้น
บัดนี้ การตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีบัตรสนเท่ห์ร้องเรียนว่า นายศักดา ช่วงรังษี ขณะดำรงตำแหน่ง อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปกครองภูเก็ต และอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาตลิ่งชันมีพฤติกรรมไม่มาปฏิบัติราชการได้ข้อยุติแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายศักดา ต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการในหน้าที่ ฐานะพนักงานอัยการและหน้าที่ในฐานะเลขาธิการสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา อีกหน้าที่หนึ่ง และช่วงเวลาขณะนั้นมีการประกาศภาวะฉุกเฉิน กรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ภาครัฐและสำนักงานอัยการสูงสุดมีนโยบาย Work From Home หรือแผนการปฏิบัติงานจากบ้านเพื่อลดการแพร่ระบาดและป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COMID-19) อีกทั้งยังได้ข้อเท็จจริงจากผู้ตรวจการอัยการ (นายวิโรจน์ ชัชวาลวงศ์) ว่า นายศักดา ช่วงรังษี ยังเป็นผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุดในฐานะกรรมการ อนุกรรมการ ของหน่วยงานราชการอีกจำนวนหนึ่ง และไม่ปรากฏว่าทำให้งานราชการในฐานะพนักงานอัยการเสียหาย แต่อย่างใด
ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์การกระทำอันมีมูลความผิดเข้าลักษณะเป็นการไม่อุทิศเวลา ของตนเองให้แก่ราชการตามที่มีการร้องเรียน กรณีไม่มีมูลเป็นความผิดทางวินัย อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งยุติเรื่อง การดำาเนินการทางวินัยแล้ว ให้ประธาน ก.อ. เสนอ ก.อ. โดยคำนึงถึงความรู้ ความสามารถ ความรับผิดชอบ ประวัติการปฏิบัติราชการ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลนั้นเทียบกับงานในตำแหน่ง ข้าราชการอัยการที่จะได้รับแต่งตั้งนั้นๆ เพื่อให้ความเห็นชอบก่อน เมื่อได้รับความเห็นชอบแล้ว จึงนำความ กราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง มาตรา 40 วรรคแรก บัญญัติว่า “การแต่งตั้งข้าราชการอัยการไปดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโส ให้อัยการสูงสุดเสนอรายชื่อผู้ซึ่งจะได้รับแต่งตั้งต่อ ก.อ. เพื่อให้ความเห็นชอบเมื่อได้รับความเห็นชอบแล้ว จึงนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป” และมาตรา 41 บัญญัติว่า “การแต่งตั้งข้าราชการอัยการให้ดำรงตำแหน่งรองอัยการสูงสุด ให้ประธาน ก.อ. เสนอ ก.อ. เพื่อให้ความเห็นชอบ เมื่อ ก.อ. ให้ความเห็นชอบแล้วจึงนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง และให้นำบทบัญญัติมาตรา42วรรคสอง และวรรคสาม และมาตรา 38วรรคสาม มาใช้บังคับโดยอนุโลม
สำนักงานอัยการสูงสุดได้ตรวจสอบบัญชีรายชื่อข้าราชการอัยการตำแหน่งต่างๆ และอัยการอาวุโส จำนวน 934 ราย (ยกเว้นรายนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ที่แยกเสนอเป็นการเฉพาะราย) ที่เสนอโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งดังกล่าวแล้ว ไม่มีและไม่พบข้อมูลที่มีประเด็นปัญหาอันอาจเป็นเหตุให้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไม่สามารถดำเนินการนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาต่อไปได้ จึงขอให้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมแต่งตั้งต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 64นางณัฐจารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้เคยมีหนังสือเวียนถึงกระทรวง กรม หน่วยงานอิสระเรื่อง ขอซักซ้อมแนวทางปฏิบัติในการเสนอเรื่องที่ต้องนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทาน พระมหากรุณาความสรุปว่าตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้แจ้งให้ส่วนราชการต่าง ๆ ทราบและถือปฏิบัติ เกี่ยวกับกรณีการเสนอเรื่องขอพระราชทานพระมหากรุณาในเรื่องต่าง ๆ ส่วนราชการจะต้องพึงระวังตรวจสอบกลั่นกรองว่าได้ดำเนินการในเรื่องนั้นๆ ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับๆหลักเกณฑ์หรือแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องแล้ว รวมทั้งหากเป็นเรื่องที่มีข้อร้องเรียนว่า มิได้ปฏิบัติ ให้เป็นไปตามที่กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือแนวทางปฏิบัติได้กำหนดไว้ ก็สมควรได้ตรวจสอบ หรือดำเนินการแก้ไขให้เป็นที่ยุติเสียก่อน รวมทั้งเรื่องที่เสนอต้องไม่เป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้อง ต่อศาล อันอาจเป็นเหตุให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีปฏิบัติ ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ และนายกรัฐมนตรีสั่งการให้แจ้งกำชับทุกส่วนราชการถือ ในเรื่องที่ต้องนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานในเรื่องต่าง ๆ จะต้องดำเนินการ ด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง และมีข้อมูลอันเป็นที่ยุติชัดเจนก่อนที่จะส่งเรื่องเพื่อขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาต่อไป เพื่อให้การขอพระราชทานพระมหากรุณาในเรื่องต่างๆ สามารถดำเนินการนำความกราบบังคมทูลได้อย่างถูกต้องเรียบร้อย ไม่เป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท จึงขอให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติ ตามแนวทางปฏิบัติดังกล่าวอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด
สำหรับนายนายปรเมศวร์ ก่อนหน้านี้เคยโดนสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตีกลับในช่วงปี63 ครั้งที่สำนักงานอัยการสูงสุดได้มีหนังสือ ขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการอัยการ เนื่องจากขณะนั้นมีกรณีที่เคยเป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและรอการลงโทษประกอบกับปัจจุบันต้องอยู่ระหว่างถูกคุมความประพฤติเป็นเวลา1 ปี ในคดีเมาเเล้วขับรถชนคนได้รับบาดเจ็บเเต่ขณะนั้นอัยการสูงสุดชี้ขาดไม่ฟ้องข้อหาชนเเล้วหนี เเต่โดนลงโทษในความผิดเมาเเล้วขับชนคน