“ศิธา” เผย มีตัวการใหญ่ สกัด “พิธา” จี้ เรืองไกร เปิด นักการเมือง เบื้องหลัง
"ศิธา” เชื่อ มีขบวนการขัดขวางประชาธิปไตย คอยสกัด"พิธา"แบ่งงานทำผ่านตัวแทน แล้วปล่อยผู้อยู่เบื้องหลังแท้จริงลอยตัว คอยให้สัมภาษณ์แบบหล่อๆ รอให้กลไกที่ถูกฝังไว้ในรัฐธรรมนูญเดินหน้าทำงานเอง
น.ต.ศิธา ทิวารี แกนนำพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีที่ 2 พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมีส.ส.จำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้รับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยขอให้มองในแง่บวก เพราะทั้งสองพรรคเป็นพรรคใหญ่ มีจำนวนส.ส.มากการรับรองจึงต้องใช้เวลา แต่กฎหมายกำหนดไว้ ว่าต้องรับรองให้ได้ 95% ภายใน 60 วันซึ่งเชื่อว่าสุดท้ายจะต้องเป็นไปตามนั้น
น.ต.ศิธา ระบุว่า การทำงานของกกต. จะต้องดูทั้งหลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ควบคู่กันไปเพราะถ้าตึงเกินก็ไม่ได้หรือหย่อนเกินก็จะหละหลวม ต้องพิจารณาด้วยความพอดี และเชื่อว่าทุกคนก็หวังดีต่อชาติบ้านเมือง ซึ่งทั้ง 8 พรรคร่วมเองยังไม่ได้หารือเกี่ยวกับประเด็นนี้
ส่วนกรณีที่มีการร้องเรียนหัวหน้าพรรคก้าวไกล ประเด็นการถือหุ้นสื่อitv หรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่ามีผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งใหญ่กว่าอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย และเชื่อว่าทุกคนน่าจะทราบดีอยู่แล้ว ว่ามีลักษณะของการแบ่งงานกันทำ โดยมีจุดมุ่งหมาย ชัดเจน แม้กระทั่ง การที่ตนได้ร่วมรายการสัมภาษณ์ ก็ได้ยินบางคำจาก ตัวแทนฝ่ายรัฐบาลเดิม เช่น ดูสิว่า พรรคก้าวไกลจะดึงพรรคร่วมไว้ได้นานแค่ไหน ซึ่งสะท้อนเจตนาของผู้พูดว่ามีความต้องการอย่างไร
“อยู่เฉยๆ ปล่อยให้เขาจัดตั้งรัฐบาลไป คำพูดแบบนี้ ทำให้เราต่อจิ๊กซอว์เห็นภาพใหญ่ ถึงกลไกที่คุณฝังไว้ ในรัฐธรรมนูญ เช่น คุณเอา ส.ว. 250 คน มาฝังไว้ คุณก็อยู่เฉยๆ แน่นอน คุณไม่จำเป็นต้องออกอาการอะไร พูดแบบสวยๆหล่อๆ ว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่ปล่อยให้กลไกที่คุณฝังเอาไว้ ทำงานด้วยตัวมันเอง แล้วคุณก็ลอยตัวเหมือนว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง ทั้งที่ประชาชนรู้” น.ต.ศิธากล่าว
น.ต.ศิธา กล่าวว่า เชื่อว่าขบวนการเหล่านี้เป็นการขัดขวางประชาธิปไตยของประเทศไม่ให้เดินหน้า ซึ่งไม่ว่าจะมีอีกกี่ด่านมาขัดขวางการตั้งรัฐบาลนั้น ทั้งหมดล้วนเป็นพิธีกรรมที่มีธงอยู่แล้วว่าจะให้การเมืองของประเทศเดินหน้าไปทิศทางอย่างไร ดังนั้น ประชาชนต้องรู้เท่าทัน และผู้ที่กำลังคิดเช่นนั้นก็ต้องรู้เช่นกันว่า การขัดขวางประชาธิปไตยไม่ให้เดินหน้า มีต้นทุนสูงมาก
ขณะที่การยื่นเอกสารของ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นั้นตนได้ยิน ข่าวมาว่ามีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง ซึ่งยังไม่เห็นนายเรืองไกร ปฏิเสธเรื่องนี้ ทั้งนี้ตนเป็นเพียงผู้เปิดประเด็น ซึ่งขั้นแรกนายเรืองไกร ก็ยอมรับว่ามีนักการเมืองเกี่ยวข้องจริงแต่ไม่เปิดเผยชื่อ ว่านักการเมืองคนนั้นเป็นใครได้ยินมา แต่ไม่ถึงกับรู้ชื่อ และเข้าใจว่าบุคคลนั้นอยู่ในกระบวนการที่เคลื่อนไหวเดียวกัน หรืออาจจะเป็นคนเดียวกันเลยก็ได้ และเข้าใจว่าเป็นประเด็นแวดล้อมที่บ่งชี้ไปในทิศทางเดียวกันซึ่งจะยิ่งทำให้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า มีการจัดสรรแบ่งงานกันทำ จากที่เดียวกัน โดยส่งตัวแทนไปดำเนินการแตกต่างวิธีกัน เพื่อวัตถุประสงค์เดียวกัน