‘ภูมิธรรม’ยังไม่เคาะโควตาปธ.สภาฯ-‘อดิศร’ไม่ยอมพระบวชใหม่เป็นเจ้าอาวาส
‘อดิศร-ภูมิธรรม’ ทักทายชื่นมื่น หลังเปิดศึกปมประธานสภาฯ ‘ภูมิธรรม’ ยันยังไม่เคาะโควตาประธานสภาฯของพรรคใด ‘อดิศร’ไม่ยอมพระบวชใหม่เป็นเจ้าอาวาส ลั่นไม่ใช่สาขาพรรคก้าวไกล
ที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค จัดสัมมนาส.ส.พรรค ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองส.ส. ครบทั้ง 500 คนแล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสภาฯ ภายใต้ชื่อ “โครงการเสริมศักยภาพส.ส.และบุคลากรทางการเมือง” โดยมีแกนนำพรรคและส.ส.เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายชัยเกษม นิติศิริ แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย
โดยบรรยากาศการจัดสัมนาเป็นไปอย่างคึกคักท่ามกลางการจับตาของสื่อมวลชนว่าจะมีการถกเถียงกันเรื่องประธานสภาฯหลังมีกระแสข่าวไลน์หลุด ส.ส.พรรคเพื่อไทย แสดงความไม่พอใจแกนนำพรรคที่ออกมาระบุจะยึดหลักการให้พรรคอันดับหนึ่งได้ตำแหน่งประธานสภาฯและพรรคอันดับสองได้ตำแหน่งรองประธานสภาฯสองเก้าอี้
โดยผู้ที่แสดงตัวชัดเจนคือนายอดิศร เพียงเกษ ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่ก่อนการสัมนา นายอดิศร ได้ทักทายกับนายภูมิธรรม จับมือพูดจากันด้วยดีพร้อมบอกกับสื่อที่ยืนอยู่ว่าสนิทกันดีเคยทำงานกระทรวงเดียวกันตอนอยู่ป่าก็อยู่ด้วยกัน โดยนายอดิดสร ระบุว่าว่าสิ่งที่แสดงความคิดเห็นไปเพื่อพรรคทั้งนั้น ขณะที่นายภูมิธรรม ระบุว่ามีอะไรก็ขอให้พูดคุยกัน วันนี้ก็เบาๆหน่อยนะ
จากนั้นเวลา 10.00น. พรรคเพื่อไทยเปิดโอกาสให้ ส.ส.ได้แสดงความคิดเห็น ภายใต้หัวข้อ “เพื่อไทยเปิดใจ เพื่ออนาคตไทย” โดยนายภูมิธรรม ได้กล่าวเปิดใจถึงกระบวนการทำงานในการเป็นตัวแทนพรรคไปทำหน้าที่เป็นเจรจาในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล ว่าที่ผ่านมาพวกตนได้ดำเนินการตามที่คณะกรรมการบริหารพรรคมอบหมาย การพูดคุยกับพรรคก้าวไกลได้เสอนไปว่าแต่ละพรรคได้ส.ส.ใกล้เคียงกันก็ควรได้ตำแหน่งรัฐมนตรีพรรคละ 14 คน พรรคก้าวไกล ได้ส.ส.มาที่หนึ่งก็ควรได้ประมุขฝ่ายบริหาร
“พรรคเพื่อไทยควรได้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ แต่เรื่องตำแหน่งประธานสภายังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ยังรอคำตอบจากทางพรรคก้าวไกล แต่การให้ข่าวของตนและเลขาธิการพรรคอาจจะทำให้สมาชิกพรรคเกิดความไม่สบายใจหรือความไม่พอใจ เรื่องการยึดหลักการเรื่องการยึดหลักพรรคอันดับหนึ่ง วันนี้จึงเปิดโอกาสให้ ส.ส.ได้แสดงความเห็นได้เต็มที่”
ต่อมา นายอดิศร เป็นคนแรกที่แสดงความคิดเห็นว่า “เรื่องประธานสภาฯ ตนไม่เห็นด้วยที่เรา 141 เสียง เขา 151 เสียง แต่เราไปยอมเขาทุกเรื่องราว พรรคก้าวไกลเขาควรได้เป็นฝ่ายบริหาร แต่จะหาวเอาเดือนเอาดาว เอาประธานสภาฯไปด้วย ผมว่ามันจะง่ายเกินไปหน่อย ไม่เห็นเพื่อนฝูงอยู่ในสายตา ผมตรงไปตรงมา ผมสู้ให้พรรคเพื่อไทยยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ลูกน้องของพรรคการเมืองใด
“ผมเห็นใจในการเจรจา ไม่ทราบว่าเจรจาอย่างไร ถ้าเขาได้นายกฯ เราได้ประธานสภาฯ มันจะสง่างาม และจะได้ถ่วงดุลการทำงานด้วยกัน ถึงอย่างไรเราก็ไม่สามารถให้ประธานสภาฯกับพรรคก้าวไกลได้ เมื่อเกิดความขัดแย้งก็โหวตกันในสภา ผมยืนยันว่าศักยภาพของเรา เรามีบุคลากรที่เหมาะสม ผมไม่อยากเห็นพระบวชใหม่มาเป็นเจ้าอาวาส เรามีบุคลากรเยอะ อย่าไปยอมให้เขาง่าย เราอย่าไปห่วงความรู้สึกเขา คุณจะเป็นพรรคก้าวไกล หรือพรรคเพื่อไทย เรื่องประธานสภาฯถึงอย่างไร ผมคิดว่าต้องเป็นของพรรคเพื่อไทย เพื่อให้รัฐบาลผสมเดินทางไปสู่การแก้ปัญหาอย่างเหมาะสม”
“ผมคนหนึ่งไม่รู้จะงดออกเสียงหรือไม่ เพราะไม่สามารถยกมือให้พระบวชใหม่ได้ พรรคเพื่อไทยไม่ใช่สาขาของพรรคก้าวไกล เราเหนื่อยยาก เพราะต้องสู้กับพรรคก้าวไกล ฉะนั้นการทำงานในทางการเมืองอย่าอ่อน แข็งต้องแข็ง พรรคเพื่อไทยมีประสบการณ์มา 22 ปี เราต้องสรุปบทเรียน และพรรคเพื่อไทยจะกลับมายิ่งใหญ่กว่าทุกพรรคในประเทศนี้” นายอดิศร กล่าว