เทียบหมัดต่อหมัด ก้าวไกล VS เพื่อไทย ท้าชิง ‘ประธานสภา’
ศึกชิงประธานสภาฯ แข่งเดือด “พรรคร่วม” จ่อ “Free Vote” ให้สภาฯ ตัดสิน ล่าสุด “ก้าวไกล” ไม่ผิดโผ ส่ง “หมออ๋อง” ชิงตำแหน่ง ด้าน “เพื่อไทย” ดัน “พ่อมดดำ” สุชาติ ตันเจริญ ชิงประธานสภาอีกหน
Key Points:
- ตำแหน่ง “ประธานสภา” หรือ “ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ” ดูจะไม่จบลงง่ายๆ หลังเพื่อไทยแถลงมติร่วมในที่ประชุมว่า ต้องการตำแหน่งประธานสภาด้วยสูตร “14+1”
- “ก้าวไกล” มีมติส่ง “หมออ๋อง” ส.ส. พิษณุโลก ชิงตำแหน่ง ด้าน “เพื่อไทย” มีกระแสหนาหูว่า “เจ้าพ่อบ้านริมน้ำ” สุชาติ ตันเจริญ ได้รับการเสนอชื่อ
- ด้วย “คอนเนกชัน” ของสุชาติที่เดินทางบนถนนการเมืองมากกว่า 30 ปี ทำให้มีแต้มต่อมากกว่าปดิพัทธ์ ซึ่งท้ายที่สุดหากทั้งสองพรรคไม่สามารถตกลงกันได้ และต้อง “Free Vote” ในสภาฯ นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของรอยร้าวระหว่างสองพรรคร่วมหรือไม่
ศึกชิงประธานสภาว่าที่รัฐบาลก้าวไกล ดูจะไม่จบลงง่ายๆ เมื่อผลการประชุม ส.ส. พรรคเพื่อไทยมีมติอย่างเป็นทางการออกมาว่า เพื่อไทยขอยึดหลักการ “14+1” คือรัฐมนตรี 14 เก้าอี้ และประธานสภา มองว่า ก้าวไกลและเพื่อไทยมีคะแนนเสียงห่างกันเพียง 10 คะแนน พรรคเพื่อไทยจึงขอยึดตามเจตนารมณ์เดิม คือ รัฐมนตรี 14 เก้าอี้ และประธานสภา หลังสูตรแบ่งโควตาก้าวไกลได้ตำแหน่งประมุขฝ่ายบริหารไปแล้ว
ภายหลังการแถลงข่าวสิ้นสุดลง กระแส “ตัวเต็ง” ชิงตำแหน่งประธานสภาก็กลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้ง โดยฝั่งก้าวไกลเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ส่ง “หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต จ.พิษณุโลก ชิงประธานสภาคนต่อไป ด้านเพื่อไทยมีชื่อ “เจ้าพ่อบ้านริมน้ำ” สุชาติ ตันเจริญ ติดโผอีกครั้ง หลังจากสมัยที่แล้วได้เก้าอี้รองประธานสภาไปครอง เอาชนะ “เยาวลักษณ์ วงศ์ประภารัตน์” แคนดิเดตจากพรรคก้าวไกลฉิวเฉียดเพียง 2 แต้ม
“กรุงเทพธุรกิจ” เปิดประวัติ ตัวเต็งประธานสภาในว่าที่รัฐบาลพิธา จากทั้งสองพรรค “ก้าวไกล Vs เพื่อไทย” แบบหมัดต่อหมัด
- “หมออ๋อง” ส.ส. ล้มแชมป์เก่า-ตีแผ่กองทัพ
ปดิพัทธ์ สันติภาดา ปัจจุบันอายุ 41 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรีคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวิทยาลัยศาสนศาสตร์ทรีนีตี้ ประเทศสิงคโปร์ ก่อนลงสนามการเมือง ปดิพัทธ์ทำงานในสายปฏิบัติการ ดำรงตำแหน่งสัตวแพทย์ปฏิบัติการ 2 ปี รวมถึงทำงานด้านการพัฒนาเยาวชนกับสมาคมนักศึกษาคริสเตียนไทย ระหว่างปี 2548-2561
“หมออ๋อง” ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคอนาคตใหม่ปี 2562 เป็นครั้งแรก ในเขต 1 จ.พิษณุโลก โดยท้าชิงกับแชมป์เก่า 3 สมัยอย่าง น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ปดิพัทธ์ชนะการเลือกตั้ง และในการเลือกตั้งปี 2566 เขาก็สามารถรักษาเก้าอี้ ส.ส. ไว้ได้เป็นสมัยที่สอง
นอกจากการ “ล้มแชมป์” ปดิพัทธ์ยังเป็นที่รู้จักจากผลงานการอภิปรายในสภา โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการปฏิรูปกองทัพ ตีแผ่การทุจริตของกองทัพผ่านโครงการกู้บ้านพักทหาร-ปมกราดยิงโคราช ไล่เรียงที่มาที่ไปของเหตุการณ์ที่เกิดจากต้นตอการทุจริต
- “บ้านริมน้ำ” ตัวเต็งอีกหน “พ่อมดดำ” ม้ามืดประธานสภา?
สุชาติ ตันเจริญ ส.ส. ฉะเชิงเทรา 9 สมัย คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีเพราะอยู่ในถนนการเมืองมามากกว่า 30 ปี ปัจจุบัน “เจ้าพ่อบ้านริมน้ำ” ย้ายกลับมาซบเพื่อไทยอีกครั้ง หลัง “พลิกขั้ว” ร่วมงานกับพลังประชารัฐในสมัยที่แล้ว ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 ในรัฐบาลประยุทธ์
สำหรับประวัติส่วนตัว สุชาติจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยซานโฮเซสเตท สหรัฐอเมริกา และระดับปริญญาโท ด้านการบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนอเทรอดามนามูร์ สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันอายุ 65 ปี เคยดำรงตำแหน่งสำคัญๆ มาแล้วมากมาย อาทิ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย และรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย รวมทั้งยังเป็น 1 ใน ส.ส. กลุ่ม 16 ร่วมกับเนวิน ชิดชอบ, สมพงษ์ อมรวิวัฒน์, สนธยา คุณปลื้ม เป็นต้น
ตลอดชีวิตการทำงานการเมือง สุชาติสังกัดพรรคการเมืองมาแล้วรวม 11 พรรค เป็นที่เคารพนับถือ-รู้จักมักคุ้นกับนักการเมืองทุกขั้ว มี “คอนเนกชัน” มากมาย หากลงชิงตำแหน่งประธานสภาแบบ “Free Vote” ก็มีความเป็นไปได้ว่า สุชาติอาจได้รับคะแนนเสียงจากแต้มต่อเรื่องบารมีทางการเมืองที่สะสมมายาวนาน
ล่าสุด เสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา ให้ความเห็นกระแสข่าวดังกล่าวว่า ตนมองว่า “สุชาติ” มีความเหมาะสมทั้งประสบการณ์ทำงานและความสามารถ หากเทียบกับ “ปดิพัทธ์” สุชาติเหมาะนั่งประธานสภามากกว่า
แต่ถึงที่สุดแล้วตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติจะตกเป็นของใคร ก้าวไกล-เพื่อไทยจะถอยกลับมาตกลงส่งเพียง 1 รายชื่อหรือไม่ หรือสุดท้ายแล้วจะเลือก “Free Vote” ในสภาคงต้องติดตามกันต่อไป ซึ่งหลายฝ่ายก็มีการวิเคราะห์ว่า หากทั้งสองพรรคร่วมไม่สามารถตกลงกันได้ นี่จะไม่ใช่แค่การลงชิงตำแหน่งทางการเมือง แต่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ “รอยร้าว” ระหว่างก้าวไกล-เพื่อไทย