"กิตติศักดิ์" ให้โอกาส "พิธา" ชิงนายกฯรอบเดียว - พร้อมให้โอกาสคนของเพื่อไทย

นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. กล่าวถึงกรณีที่สภาฯ เลือกนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานสภาฯ ว่า ตนยินดีและสนับสนุนนายวันมูหะมัดนอร์ทำหน้าที่ประธานสภาฯ เพราะมีความรู้และประสบการณ์ อย่างไรก็ดีในประเด็นประธานสภาฯนั้นเป็นคนละประเด็นกับการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนมั่นใจว่า ในวันโหวตนายกฯ จะมีคนเสนอชื่อแข่งมากกว่า 1 พรรค แต่ไม่ชัดเจนว่าจะเป็นใคร

 

"การตัดสินใจของผมนั้นมีความชัดเจนแล้ว แต่ยังต้องรอดูชื่อแคนดิเดตนายกฯ จากอีกพรรคการเมืองก่อน หากเป็นชื่อของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือนายเศรษฐา ทวีสิน  แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ผมเชื่อว่าส.ว.พร้อมพิจารณา" นายกิตติศักดิ์ กล่าว

เมื่อถามถึงเงื่อนไขที่ส.ว. จะสนับสนุนน.ส.แพทองธาร หรือนายเศรษฐา นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ต้องพิจารณาว่าจะมัดติดกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ เช่น กรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกฯจากพรรคก้าวไกล ไม่ได้เสียงสนับสนุนที่เพียงพอจากรัฐสภา แต่พรรคก้าวไกล ผูกติดอยู่กับพรรคเพื่อไทย แม้พรรคเพื่อไทย จะเสนอชื่อแคนดิเดตของพรรคตัวเอง ส.ว. ยอมรับไม่ได้

 

"หากพรรคเพื่อไทย สลัดออกจากพรรคก้าวไกล เพราะนายพิธา ไม่ได้รับเสียงรับรองจากรัฐสภา โดยพรรคเพื่อไทย ต้องแยกตัวออกมาชัดเจน และจะไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลใดต่อนั้น วุฒิสภา ไม่เกี่ยวข้องแล้ว ทั้งนี้ส.ว.ต้องการให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้ ใช่ไม่ว่า เมื่อไม่มีพรรคก้าวไกลแล้ว ส.ว.ก็ยังคงไม่สนับสนุนบุคคลใด ซึ่งก็จะเป็นปัญหาของบ้านเมืองต่อไป ดังนั้นเมื่อพรรคเพื่อไทย สลัดพรรคก้าวไกลออกไปแล้ว มั่นใจว่า พรรคเพื่อไทย จะได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา" นายกิตติศักดิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ส.ว.จะให้โอกาสโหวตพิธากี่ครั้ง นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า "ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ผมมองว่าหากนายพิธา ไม่ได้รับการสนับสนุน พรรคเพื่อไทย หรือพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลอื่น ๆ ก็คงตัดสินใจถึงการดำเนินการต่อไปได้แล้ว" 

 

เมื่อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยสลัดพรรคก้าวไกลจากการร่วมรัฐบาล จะมีปัญหาในการทำงานในสภาฯหรือไม่ เพราะคนของพรรคก้าวไกลได้รับเลือกให้เป็นรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง นายกิตติศักดิ์ กล่าวโดยเชื่อว่า ไม่กระทบแน่นอน เพราะตามหลักการ ประธานสภา และรองประธานสภา เมื่อได้รับการโปรดเกล้าฯ แล้ว ก็จะต้องถอนตัวจากพรรคที่สังกัด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการทำหน้าที่ เพราะหาก ประธานสภา หรือรองประธานสภาฯ เอนเอียง ก็เชื่อว่า จะไม่สามารถเอาตัวรอดได้ ดังนั้น จึงจะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบ และกฎหมายอย่างชัดเจน ไม่บิดเบือนระเบียบ หรือกฎหมาย .