ลุ้นจุดพลิก ‘เอฟเฟกต์ประยุทธ์’ วัดใจ ส.ว.’สาย 2 ป.’
เหลือเวลาอีกเพียงวันเดียว ที่ขั้ว 312 เสียง จะได้ลุ้นว่าเอฟเฟกต์ประยุทธ์ จะมี ส.ว.สาย 2 ลุง เปลี่ยนใจมาโหวตให้พิธาหรือไม่?
“การโหวตเลือกนายกฯที่จะมีขึ้นในวันที่ 13 ก.ค. ไม่ใช่การเลือกพิธา ไม่ใช่การเลือกพรรคก้าวไกล แต่คือการเลือกเพื่อยืนยันว่าประเทศไทย ต้องเดินหน้าตามระบอบประชาธิปไตยแบบปกติ ...
ภารกิจนี้คือภารกิจร่วมกันของเราทุกคน ในฐานะสมาชิกรัฐสภา ผู้ถืออำนาจแทนประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ในโอกาสนี้ขอสื่อสารไปยัง ส.ส. และ ส.ว.ทุกท่าน ท่านอาจไม่ชอบแนวทางการเมืองพวกเรา ในระบอบการเมืองปกติ แต่พวกท่านตรวจสอบผมได้ โจมตีผมได้ โหวตผมออกจากตำแหน่งก็ยังทำได้ แต่การโหวตให้รัฐบาลเสียงข้างมาก คือการให้โอกาสประเทศไทย เดินหน้าในแบบที่ควรจะเป็น”
ถ้อยคำบางช่วงบางตอนที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ปล่อยคลิปผ่านทางทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊กส่วนตัว ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันโหวตนายกฯ โดยขอโอกาสประเทศไทยได้มีรัฐบาลเสียงข้างมากตามเจตจำนงของประชาชน เมื่อวันที่ 11 ก.ค.
วันเดียวกัน มีการประชุมแกนนำ 8 พรรคร่วมที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ซึ่งทำหน้าที่หนึ่งในผู้จัดการรัฐบาล ไม่ได้ให้ความมั่นใจว่า จะได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว.มากน้อยเท่าไหร่
พร้อมกับดักทางว่า มีกระแสกดดัน ส.ว.มาก โดนขู่ แบล็คเมล์ เสนอผลประโยชน์แลกกับการไม่โหวตพิธา และยกเรื่องความจงรักภักดี ปะทะผลเลือกตั้ง ส.ว.ส่วนใหญ่ จึงมีท่าทีไม่แสดงออกชัดเจน ต้องรอวันที่ 13 ก.ค.เลย
แหล่งข่าวในสายพรรคสีส้มเล่าว่า ชัยธวัช ได้พยายามพูดคุยกับ ส.ว.ที่ไม่ใช่สายทหาร-ตำรวจ แต่ก็ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับการแก้ไข ม.112 ดังนั้น ส.ว.กลุ่มนี้ ก็คงจะใช้การงดออกเสียง เหมือนที่ ส.ว.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เขียนบทกวี ปิดสวิตช์ ส.ว.
ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวว่า สมาชิกวุฒิสภา 250 คนนั้น พบว่า ส.ว.ได้แนวทางการโหวตเลือกนายกฯ แบ่งเป็น 3 แนวทางคือ เห็นชอบ ประมาณ 10 เสียง ไม่เห็นชอบ 15 เสียง และงดออกเสียง 225 เสียง
การส่งสัญญาณปิดสวิตช์ตัวเองนั้น ด้วยภาษากวีก็มี ดังเช่นกรณี ส.ว.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ได้เผยแพร่บทกวี ‘สวิตช์ ส.ว.’
เนาวรัตน์ พยายามเกริ่นกล่าวให้เห็นว่า บทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญ 2560 ทำให้ ส.ว.ต้องมีส่วนร่วมในการโหวตเลือกนายกฯ ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ ส.ว.
“หน้าที่ของ ส.ส. อันพึงมี เลือกนายกรัฐมนตรี นี่แหละใช่ จงผู้แทนทั้งผอง ต้องรวมใจ…ไปเถิดไป ปิดสวิตช์ พวก ส.ว.”
บทกวีของเนาวรัตน์ ถูกตีความมากมาย บางคนคิดว่า สว.สายเป่าขลุ่ยจะโหวตให้พิธา แต่ สุชาติ สวัสดิ์ศรี อดีตบรรณาธิการช่อการะเกด ได้วิเคราะห์บทกวีชิ้นนี้ว่า “หากเดาไม่ผิด นายเนาวรัตน์จะงดออกเสียง” ซึ่งการงดออกเสียงก็เท่ากับไม่แสดงจุดยืน ไม่มีประโยชน์อะไร
จะว่าไปแล้ว การงดออกเสียงเป็นทางออกของ ส.ว.ส่วนใหญ่ ที่ไม่ต้องการแสดงตัวชัดเจนว่าไม่เอาพิธา อย่างที่ ส.ว.คนหนึ่งเคยบอกว่า พรรคก้าวไกลอยากปิดสวิตช์ ส.ว. ฉะนั้น พวกเขาก็ขอปิดสวิตช์ตัวเองเสียเลย
ส.ว.ที่มาจากสายแพทย์ หรือสาธารณสุข คาดว่าจะเลือกแนวทางงดออกเสียง แม้ว่าจะถูกลูกศิษย์ลูกหาเรียกร้องให้ยืนหยัดในแนวทางประชาธิปไตย แต่บุคคลเหล่านี้เป็นอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ รับไม่ได้กับพฤติการณ์บางอย่างของแกนนำพรรคสีส้ม
เสียงข้างน้อย
ดังที่ทราบกัน ก่อนหน้านั้น มี ส.ว.ประมาณ 18-19 คน ได้ให้สัมภาษณ์สื่อ หรือแสดงตัวผ่านเฟซบุ๊คว่า จะโหวตให้พิธา และพรรคที่ได้เสียงข้างมากในสภาฯ แต่ภายหลัง ได้มี ส.ว.บางคนเปลี่ยนใจ ไม่หนุนพิธา
ล่าสุด วัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว.สายเอ็นจีโอ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า จากกรณีที่มีข่าว 20 ส.ว. จะโหวตหนุนพิธานั้น ครูหยุยบอกว่า แท้จริงแล้ว มี ส.ว. 10 คนเท่านั้น
รายชื่อ 10 ส.ว.ที่จะสนับสนุนหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ ประกอบด้วย ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม วุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ อำพล จินดาวัฒนะ ทรงเดช เสมอคํา วันชัย สอนศิริ ประภาศรี สุฉันทบุตร สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ พีระศักดิ์ พอจิต และ มณเฑียร บุญตัน
แหล่งข่าวใน ส.ว. เปิดเผยว่า จำนวน ส.ว.ที่จะโหวตตามมติมหาชนนั้น อาจมีมากกว่า 10 คน แต่คงไม่ถึง 12 คน เพราะช่วงนี้ มีการล็อบบี้กันแบบตัวต่อตัว ส.ว.หลายคนเจอแรงกดดันค่อนข้างสูง หากใจไม่นิ่งพอ ก็ถอดใจหันไปใช้วิธีงดออกเสียง
แม้ พิธา จะได้เสียง ส.ว.อิสระมาหนุน แต่ก็ยังห่างไกลกับตัวเลข 65 เสียง ที่พรรคก้าวไกลต้องการมาเติมเต็ม 312 เสียง ให้ได้ 376 เสียง
มีรายงานข่าวว่า ในยกแรก แกนนำพรรคก้าวไกล จะขอประเมินตัวเลขงดออกเสียง หรือ ไม่เห็นชอบ จากฝั่งสภาสูง ถ้ามีเสียงงดออกเสียงหรือไม่เห็นชอบจำนวนมาก สะท้อนว่า ฝ่าย 2 ป. ยังคุม ส.ว.ได้ แสดงว่า ในตัวเลขที่ต้องการ 65 เสียง ขาดไป 40-50 เสียง ถือว่า พิธาไปต่อยาก ตรงกันข้าม หากคะแนนที่ต้องการขาดเพียง 10-20 เสียง ตัวเลขนี้ จะทำให้พรรคก้าวไกล ได้ลุ้นในวันโหวตยกสองคือ 19 ก.ค.นี้ ขึ้นมาทันที
ดังนั้น คีย์แมน ส.ว.สายความมั่นคง จึงพยายามจะหาทางปิดเกมพิธา ไม่ให้มีการโหวตรอบที่ 2 หากเสียงหนุนยังขาดอยู่เยอะ เช่นขาดประมาณ 50 เสียง
ยกแรกนี้ แกนนำพรรคส้ม จึงพยายามล็อบบี้ ส.ว. และสร้างกระแสสังคมกดดัน ส.ว.ที่ใจไม่นิ่ง กลัวทัวร์ลง ให้เปลี่ยนใจมาโหวตให้พิธา
ทว่าล่าสุด เซอร์ไพรส์ การประกาศวางมือทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยการลาออกจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ในช่วงเวลาทีเด็ดทีขาด ซึ่งหมายความถึงปิดฉากสูตรรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ถูกจับจ้อง จังหวะก้าวเช่นนี้ เชื่อว่ามีการคิดอ่านมาอย่างรอบคอบแล้ว
ชอตต่อไป ย่อมถูกจับตาว่า จะส่งผลต่อเกมการเมืองเรื่องโหวตนายกฯ หรือไม่อย่างไร โดยเฉพาะ ส.ว.ขั้วประยุทธ์ ที่ตัดสินใจงดออกเสียง
เหลือเวลาอีกเพียงวันเดียว ที่ขั้ว 312 เสียง จะได้ลุ้นว่าเอฟเฟกต์ประยุทธ์ จะมี ส.ว.สาย 2 ลุง เปลี่ยนใจมาโหวตให้พิธาหรือไม่ นับเป็นช่วงเวลาที่ได้ลุ้นระทึกถึงจุดเปลี่ยนการเมืองไทยอีกครั้ง